HoonSmart.com>> TITLE กางแผนปี 62 เตรียมโครงการใหม่ “หาดในยาง” มูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท ในไตรมาส 4/62 รองรับดีมานด์ชาวต่างชาติ-คนไทยตลาดกลางถึงบน มั่นใจรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 1,000 ล้านบาท ลูกค้ารอโอนเพียบ ยันไร้ผลกระทบเกณฑ์ LTV ของแบงก์ชาติ เหตุลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ วางเงินดาวน์มากกว่า 75% พร้อมก้าวสู่ความเป็นเบอร์ 1 อสังหาฯทางเลือกของภูเก็ต ภายในปี 63-65 ตามแผน
นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (TITLE) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2562 ว่า บริษัทฯ ได้ปรับแผนการจากเดิมที่คาดว่าจะเปิดตัวโครงการ หาดในยาง มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ในไตรมาสแรก 1/62 และโครงการหาดบางเทา มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ในไตรมาส 4/62 เป็นการเปิดโครงการหาดในยาง มูลค่า 4,000 -5,000 ล้านบาท ในไตรมาส 4 แทน
สาเหตุเนื่องจากข้อมูลความต้องการของตลาดบนหาดในยาง ยังคงมีอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างมาก และจากผลการขายของเฟส 1 และ 2 ที่ผ่านมา มีผลตอบรับดีเกินคาด จึงเชื่อว่าการเปิดตัวโครงการที่หาดในยาง ด้วยมูลค่าโครงการที่สูงแทนการเปิดตัวที่หาดบางเทา จะส่งผลดีมากกว่า ทำให้รายได้และกำไรในปี 2563-2565 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมก้าวสู่ความเป็นเบอร์ 1 อสังหาฯทางเลือกของภูเก็ต สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก
สำหรับความคืบหน้าของโครงการของ TITLE ในส่วนของ หาดราไวย์ 1.โครงการหาดราไวย์ เฟส 3 มูลค่าโครงการประมาณ 1,100 ล้านบาท แล้วเสร็จและโอนแล้วเกือบ 100% 2.โครงการหาดราไวย์ เฟส 5 มูลค่าโครงการประมาณ 1,100 ล้านบาท เปิดการขายในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 มียอดขายแล้วประมาณ 20% คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จและเริ่มโอนได้ปี 2563
หาดในยาง 1.โครงการหาดในยางเฟส 1 และ เฟส 2 มูลค่าโครงการประมาณ 1,400 ล้านบาท ถือว่าปิดการขายแล้ว และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561 เริ่มโอนแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2562 คาดว่าจะโอนหมดในปี 2563 และ 2.โครงการหาดในยาง เฟส 3 มูลค่าโครงการประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดการขายในช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 และคาดว่าจะสามารถโอนและเริ่มรับรู้รายได้ ในช่วงปี 2564 เป็นต้นไป
“มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท ดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 900 ล้านบาท เพราะยอดโอนโครงการที่หาดในยางของไตรมาส 4/61 ที่ล่าช้าออกไป จะกลับเข้ามาบันทึกเป็นยอดโอนเพิ่มในปีนี้เป็นต้นไป โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 1,600 ล้านบาท และรับเงินล่วงหน้าแล้วเกือบ 900 ล้านบาท ตลอดจนมีที่ดินรอการพัฒนารองรับอนาคตอีก 70-80 ไร่ ซึ่งสามารถพัฒนาโครงการได้อีกประมาณ 6-9 ปี และมีตลาดลูกค้าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่า TITLE จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป”นายศศิพงษ์ กล่าว
ส่วนมาตรการควบคุมสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเริ่มใช้บังคับกับสัญญากู้ที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป โดยกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำหรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ไม่ส่งผลกระทบกับ TITLE เนื่องจากลูกค้ากว่า 80% เป็นชาวต่างชาติ ไม่ได้ใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน ตลอดจนการรับเงินดาวน์สูง 50-75% ทำให้โครงการของบริษัทฯใช้เงินกู้เพื่อโครงการในสัดส่วนที่น้อยมาก