STEC-AMATA เด่นช่วงสั้น กสิกรฯ แนะลดพอร์ต โลกป่วย

HoonSmart.com>>พรรคพลังประชารัฐแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายกฯคนเดิม “พลเอกประยุทธ์” สานต่อนโยบายการลงทุน หนุนนิคม-รับเหมา-ค้าปลีกบวกช่วงสั้น STEC,AMATA เด่น “กวี ชูกิจเกษม” จากค่ายบล.กสิกรไทย แนะนำนักลงทุนหุ้นขึ้นมาแนะลดพอร์ต เตรียมเงินสดรอซื้อไตรมาส 2 คาดตลาดกระแทกลงจากปัจจัยต่างประเทศ เก็บหุ้นดีราคาถูก

นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย คาดว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ได้คะแนนมากกว่าคาด ตลาดน่าจะตอบรับในทางบวก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี นักลงทุนคิดว่ารัฐบาลจัดตั้งได้ แต่จะได้รัฐบาลที่มีเสียงเกินกว่า 250 เสียงไม่ได้มาก เพราะเสียงเพื่อไทยและอนาคตใหม่มีค่อนข้างมาก การทำงานต่อไปนี้ไม่เหมือนเดิม จะต้องคุยร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล นโยบาย และการทำงานอาจจะดีเลย์ออกไปบ้าง การดำเนินงานรัฐบาลจะมีความยากลำบากมากกว่าเดิม ไม่เหมือนรัฐบาลเดิม เชื่อว่าข่าวบวกแค่ระยะสั้น แต่ไม่ได้นาน

หุ้นที่น่าสนใจ กลุ่มรับเหมา โดยเฉพาะ STEC น่าสนใจ ในแง่การเก็งกำไรระยะสั้น เพราะพรรคภูมิใจไทยจะเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล และมีอำนาจต่อรองมากพอสมควร หุ้นนิคมอุตสาหกรรม AMATA WHA น่าจะกลับมา กลุ่มค้าปลีก CPALL,BJC การท่องเที่ยวน่าจะยังดีอยู่ แต่หากต้องการหุ้นที่มีความปลอดภัย การเมืองยังมีความไม่แน่นอน เน้นหุ้นที่มีปันผลหรือ หุ้นไฟฟ้า BGRIM ,RATCH ส่วน ADVANC ,KKP ปันผลสูง

ตลาดหุ้นตอบสนองการเมืองแล้ว 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นได้จากดัชนีขึ้นไป 1,650 จุด รอบนี้คาดว่าไปได้ที่จุดสูงสุดเดิม 1,670 จุด แนะนำนักลงทุน น่าจะลดพอร์ต เพราะหุ้นขึ้นมาเพราะการเก็งกำไรเท่านั้น ยังเชื่อว่าแนวโน้มตลาดหุ้นระยะกลางถึงยาว ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะไตรมาส 2 น่าจะชะลอตัวลง ค่าเงินบาทจะอ่อน และการเมืองท้าทายมาก เศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป ไม่ค่อยดี ตอนนี้อิตาลีอยู่ในภาวะเศรษฐกิจหดตัวเรียบร้อยแล้ว เศรษฐกิจโลกจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่าการเมือง

“กลยุทธ์น่าจะลดพอร์ต ถือเงินสด รอจังหวะไตรมาส 2 ซื้อหุ้นดีราคาถูก ให้ราคาปรับตัวลงมาก่อน เช่น AOT,BDMS และ แบงก์”นายกวีกล่าว

บล.ธนชาต ออกบทวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ พลังประชารัฐ(พปชร.)ได้คะแนนมากกว่าคาด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยังมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด แต่การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ยังไม่ชัดเจน เพราะชนะไม่ขาด

กลุ่มหุ้นที่ได้ผลดีจากนโยบายพรรคพปชร. คือกลุ่ม EEC และก่อสร้าง นโยบายการลงทุนมีความต่อเนื่องจากรัฐบาล เช่น AMATA ,WHA,STEC,BTS,SEAFCO และกลุ่มบริโภค ผลบวกจากนโยบายขึ้นค่าแรง ลดภาษี CPALL,RS,HMPRO และ KTC ขณะที่ภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กดอัตราผลตบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐต่ำลง จะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มที่ได้ดีดอกเบี้ยต่ำ TISCO,SAWAD และกลุ่มกองทุน ให้ผลตอลแทนปันผล 6-75 อย่าง DIF,CPNREIT