บลจ.กสิกรไทย เดินหน้าจ่ายปันผลกองทุนหุ้นจีน-สหรัฐฯ และ K-GINFRA มูลค่ารวมกว่า 230 ล้านบาท ถึงมือผ้ลงทุน 14 มี.ค.นี้ พร้อมมองเชิงบวกหุ้นจีน ราคาถูก ความไม่แน่นอนสงครามการค้ากดดัน แนะรอประเมินสถานการณ์ก่อน ส่วนหุ้นสหรัฐ แพง แนะชะลอลงทุน
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด (KAsset) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายปันผล กองทุนเปิดเค โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ หุ้นทุน (K-GINFRA) และกองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D)) ในอัตรากองทุนละ 0.25 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 มีนาคม 2561 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2562 รวมถึงกองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 กันยายน 2561 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2562 สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนเวลา 8.00 น. ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 โดยมีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 14 มีนาคม 2562 รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 233.95 ล้านบาท
สำหรับกองทุน K-GINFRA มีการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนแล้วทั้งสิ้น 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1.55 บาทต่อหน่วย โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ 5.60% และ 4.06% ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 5.41% และ 9.76% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 62) โดยกองทุนหลักได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มขนส่ง ทั้งนี้ในภาพรวมหุ้นโครงสร้างพื้นฐานฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อนกว่า 9% โดยมีแรงหนุนหลักมาจากตลาดการเงินโลกคลายความกังวลต่อนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดน้อยลง (Dovish) อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งหากปรับตัวแรงขึ้นอาจส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานกลับเข้าลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลได้
ด้านกองทุน K-USXNDQ-A(D) มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอทุกไตรมาส โดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 22 ครั้ง รวมเป็นเงิน 7.35 บาทต่อหน่วย และมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ 1.10% และ 2.30% ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 0.87% และ 3.00% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 62) ทั้งนี้กองทุนหลักมีนโยบายมุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงอย่าง NASDAQ-100 ซึ่งได้ปรับตัวขึ้นตามการเติบโตของหุ้นกลุ่มไอที ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีน้ำหนักเป็นส่วนมากในดัชนี นอกจากนี้คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตชะลอลง ด้วยผลจากการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยและการปรับลดสภาพ
สำหรับกองทุน K-CHINA มีการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนแล้วทั้งสิ้น 18 ครั้ง รวมเป็นเงิน 4.65 บาทต่อหน่วย โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ 7.22% และ -7.23% ต่อปี ตามลำดับ เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 6.47% และ -10.95% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 62) ทั้งนี้กองทุนหลักจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจีนซึ่งจดทะเบียนในจีนและฮ่องกง ที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจจีน โดยภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังคงสดใสตั้งแต่ต้นปี 62 หลังจากที่ได้ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ดี ด้วยกำลังซื้อของคนในประเทศที่แข็งแกร่งและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามประเด็นการค้าสหรัฐฯ – จีน ซึ่งแม้จะคืบหน้าไปในทิศทางบวกแต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกระจายการลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศ หรือต้องการปรับพอร์ตให้สอดรับกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทย ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีน เนื่องจากราคาหุ้นจีนยังซื้อขายในระดับที่ถูกกว่าประเทศอื่น อย่างไรก็ตามเนื่องจากความไม่แน่นอนเรื่องสงครามการค้าทำให้ตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนสูง จึงแนะนำให้ประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุนเพิ่มเติม ในขณะที่หุ้นสหรัฐฯ มีระดับราคาหุ้นซื้อขายแพงกว่าภูมิภาคอื่น จึงแนะนำให้ชะลอการเข้าลงทุน เพื่อรอประเมินสถานการณ์การลงทุนต่อไป