TCC เปิดดีลเจรจาคู่ค้าในลาว เป็นตัวแทนขายถ่านหินเกรดคุณภาพดี ระดับ Anthractie มุ่งเจาะตลาดในประเทศไทยและกลุ่มประเทศ AEC หวังคว้าออเดอร์ในปีนี้ 3 แสนตัน ดันรายได้ของบริษัท แตะระดับกว่า 1,600 ล้านบาท หนุนอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่าระดับ 12% เชื่อปี 63 รับผลดีเต็มปี
นายบุญอนันต์ ศรีขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาธุรกิจกับคู่ค้ารายใหญ่ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อความร่วมมือทางธุรกิจในเหมืองถ่านหิน เพื่อผลิตและขายถ่านหินเกรดสูง ระดับ Anthracite ในประเทศไทยและกลุ่มประเทศ AEC โดยเป้าหมายแรกจะเป็นการขายไปยังกลุ่มลูกค้าในประเทศเวียดนาม
อย่างไรก็ตามคาดว่าผลของการเจรจาน่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ คาดประมาณการยอดขายเบื้องต้น 300,000 ตันต่อปี โดยสามารถแบ่งจำหน่ายเป็นรายไตรมาสตามความต้องการของลูกค้า และคาดหวังว่าจะผลักดันให้รายได้รวมของบริษัทในปี 2562 แตะระดับกว่า 1,600ล้านบาท เติบโต ราว 20% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 1,300 ล้านบาท และจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นในส่วนของธุรกิจถ่านหิน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 12% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 10.2%
“การขยายประเภทการจำหน่ายถ่านหินไปสู่เกรดที่สูงขึ้น จะช่วยขยายตลาดและกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น และนับเป็นโอกาสในการเพิ่มปริมาณการขายและยอดขายถ่านหิน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีนี้ ผลบวกที่จะเกิดขึ้นในปีนี้อาจจะยังสะท้อนได้ไม่เต็มที่ แต่เชื่อว่า ในปี 2563 จะรับผลเชิงบวกเต็มปี” นายบุญอนันต์ กล่าว
ทั้งนี้ คู่ค้าดังกล่าว เป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินที่มีกำลังการผลิตมากเป็นอันดับ 1 ใน สปป.ลาว โดยถ่านหิน Anthracite มีความร้อนสูงและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในกลุ่มธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์ โดยเหมืองนี้มีปริมาณถ่านหินสำรองมากกว่า 50 ล้านตัน
ขณะที่ TCC เป็นผู้ประกอบการธุรกิจถ่านหินรายใหญ่รายหนึ่งในประเทศไทย มีฐานลูกค้าธุรกิจโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมในมือจำนวนมาก จะทำหน้าที่ Selling Agent หรือผู้ดูแลด้านการขายถ่านหินให้แก่เหมืองดังกล่าวและจัดส่งไปยังกลุ่มลูกค้าในประเทศต่างๆต่อไป
กลุ่มลูกค้าดังกล่าวจะประกอบไปด้วย โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ โรงไฟฟ้า โรงงานเหล็ก และโรงงานผลิตกระดาษ เป็นต้น ซึ่งลูกค้าในประเทศเวียดนามที่กล่าวถึงข้างต้น เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดี เนื่องจากตลาดส่งออกเหล็กของเวียดนามคือประเทศในภูมิภาคมีความต้องการใช้เหล็กสูง ประกอบกับความต้องการใช้เหล็กภายในเวียดนามเติบโตอย่างต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ และการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ