HoonSmart.com>>บิวตี้ฯ กำไรเหลือไม่ถึง 1,000 ล้านบาทในปี 2561 เฉพาะไตรมาส 4 หายไปเกือบ 70% ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น ยันยังคงมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนได้ดี บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลอีก 0.138 บาท/หุ้น
บริษัทบิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดผลการดำเนินงานปี 2561 มีกำไรสุทธิ 991 ล้านบาท ลดลง 19.34% จากปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 1,229 ล้านบาท
ปัจจัยหลักมาจากกำไรขั้นต้นที่ลดลง 9.96% เป็น 2,264 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 65.34% จากปี 2560 ทำได้ 67.74% สาเหตุหลักๆมาจากสินค้าที่ได้รับความนิยมบางตัวลดลงส่งผลให้ยอดขายร้านบิวตี้ คอทเทจลดลง ซึ่งร้านบิวตี้ คอทเทจมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง รวมถึงการทําโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้สัดส่วนยอดขายของช่องทางต่างประเทศและคอนซูมเมอร์โปรดักส์มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าของร้านบิวตี้
ผลงานเฉพาะไตรมาสที่ 4/2561 มีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาทลดลง 69.67% จากไตรมาส 4/2560 และลดลง 62.63% จากไตรมาส 3
กำไรไตรมาส 4 ที่ลดลง หลักๆมาจากกำไรขั้นต้น 431 ล้านบาท ลดลง 41.29% จากไตรมาส 4/2560 และ 36.13%จากไตรมาส 3 และค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังคงมีความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี
คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.138 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 413.19 ล้านบาทให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 6 พ.ค. และกำหนดจ่ายเงินวันที่ 21 พ.ค. 2562
“ผลประกอบการของ BEAUTY ชะลอลงเล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบระยะสั้นจากกรณีตลาดเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อกระแสข่าวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางของบริษัทอื่นไม่ผ่านมาตรฐาน อย. ส่งผลกระทบให้ฐานลูกค้ารายย่อยระมัดระวังการซื้อมากขึ้น แต่ในระยะยาวถือว่าเป็นผลดีต่อบริษัทเพราะสินค้าของบริษัทผลิตถูกต้องมีเลขที่จดแจ้งที่ได้รับการรับรองจาก อย. ทุกรายการ อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วงที่ผ่านมาลดลงเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดซื้อจากลูกค้านักท่องเที่ยวลดลง”นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ กล่าว
นายแพทย์สุวิน กล่าวว่า ปี 2562 บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ พัฒนากิจกรรมตลาด ขยายช่องทางการจำหน่ายในตลาดต่างประเทศและสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค อีกทั้งมีแผนพัฒนาระบบ E-Commerce ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อขยายตลาดในกลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยวางเป้าหมายให้แบรนด์ BEAUTY เป็นหนึ่งในผู้นำ International Beauty & Health Business ของภูมิภาคเอเชีย และมีรายได้เติบโตมากกว่า 20% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 25%
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 62 สัดส่วนการขายในตลาดต่างประเทศจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญาแต่งตั้ง Carrot Mall ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางค้าปลีกออฟไลน์และออนไลน์รายใหญ่