HoonSmart.com >> ก.ล.ต. ยืนยันจะลงโทษทางวินัยอย่างเคร่งครัด หากพนักงานมีเอี่ยวคดีหลอกประชาชนลงทุนหุ้นต่างประเทศ หลังพบผู้ต้องหาฉ้อโกงอ้างเป็น “ลูกรองประธาน” ที่แท้เป็น “ลูกพนักงาน” พร้อมเตือนประชาชนตรวจสอบใบอนุญาตคนชวนลงทุนก่อนตัดสินใจ
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า จากกรณีที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) จับกุมกลุ่มบุคคลที่ไปชวนประชาชนให้ลงทุนในโครงการลงทุนหุ้นในต่างประเทศ โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกจับกุมอ้างว่าเป็นลูกของรองประธาน ก.ล.ต. นั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า หนึ่งในผู้ที่ถูกจับกุมเป็นบุตรของพนักงานคนหนึ่งของ ก.ล.ต.
“ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดย ก.ล.ต. พร้อมให้ความร่วมมือเพื่อการสอบสวนของตำรวจ นอกจากนี้ ภายในองค์กรเองยังสั่งการให้มีการตรวจสอบรายละเอียดด้วยเช่นกัน และหากพบว่า พนักงานของ ก.ล.ต. คนดังกล่าวมีส่วนรู้เห็นในการนำชื่อองค์กรไปแอบอ้าง จะดำเนินการทางวินัยอย่างเคร่งครัด” นายรพี กล่าว
นายรพี กล่าวอีกว่า ก.ล.ต. ยึดมั่นในหลักการทำงานอย่างซื่อตรงและโปร่งใส และจะไม่ยอมให้มีการนำชื่อองค์กรไปใช้ในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และที่ผ่านมาก็ได้มีระบบในการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติหน้าที่ตามจรรยาบรรณและข้อบังคับพนักงานมาโดยตลอด
หากประชาชนพบเห็นการดำเนินการที่เข้าข่ายน่าสงสัยดังกล่าว ขอให้แจ้ง Help Center ของ ก.ล.ต. ที่เบอร์ 1207 เพื่อนำไปสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดต่อไป
นอกจากนี้ ต่อกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ก.ล.ต. ขอเตือนให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังหากถูกชักชวนให้ลงทุน โดยควรตรวจสอบว่า ผู้ที่ชักชวนให้ลงทุนในหลักทรัพย์ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจาก ก.ล.ต. หรือไม่ เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงและได้รับความเสียหาย หากมีข้อสงสัยขอให้ติดต่อ Help Center ของ ก.ล.ต. ที่หมายเลขเดียวกัน
ทั้งนี้ ผู้ถูกจับกุมข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ได้แก่ นายจิตรภณ นิศารัตน์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหา โดยมีผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คนคือนายศรฉัตร กล่ำแสง อายุ 40 ปี และนายพีระยุทธ อาจอำนวย อายุ 34 ปี ทำหน้าที่ประสานงานและเป็นผู้ดูแลโปรแกรมการลงทุน โดยหลอกลวงให้ร่วมลงทุนหุ้นต่างประเทศ เสนอผลตอบแทน 10% ต่อเดือน โดยลงทุนขั้นต่ำ 300,000 บาท
นายศรฉัตร และนายพีระยุทธ (อยู่ระหว่างติดตามจับกุม) อ้างกับผู้ลงทุนว่านายจิตรภณ เป็นนายทหารยศพันตรี เป็นลูกของรองประธาน ก.ล.ต. และมีบุคคลสำคัญของประเทศสนับสนุน ทำให้มีประชาชนเป็นเหยื่อมากกว่า 100 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท