HoonSmart.com >> ไออาร์พีซี ขาดทุนสต๊อกน้ำมันสุทธิ 4,728 ล้านบาทไตรมาส 4 ฉุดผลงานเป็นตัวแดง 1,627 ล้านบาท รวมทั้งปีกำไรสุทธิ 7,734 ล้านบาท ลดลง 32% เจาะไส้ในผลงานปกติดีขึ้น จ่ายเงินปันผลอีก 9 สตางค์/หุ้น มองแนวโน้มปี 2562 ดีขึ้นทั้งธุรกิจปิโตรเลียม-ปิโตรเคมี คาดราคาน้ำมันดิบแกว่งในกรอบ 60-68 เหรียญสหรัฐ
บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2561 มีกำไรสุทธิ 7,734 ล้านบาท ลดลง 32% จากที่มีกำไรสุทธิ 11,354 ล้านบาทในปี 2560 เฉพาะไตรมาส 4/2561 ขาดทุนสุทธิ 1,627 ล้านบาท ทรุดลง 164% จากที่มีกำไรสุทธิ 2,560 ล้านบาทในไตรมาส 3 และแย่ลง 136% จากไตรมาส 4/2560 ที่มีกำไรสุทธิ 4,513 ล้านบาท
“ไตรมาส 4/2561 บริษัทขาดทุนสต๊อกน้ำมันสุทธิ 4,728 ล้านบาท คิดเป็น 7.51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ Accounting GIM มีจำนวน 4,151 ล้านบาท ลดลง 52% และมี EBITDA จำนวน 534 ล้านบาท ลดลง 90% บริษัทฯมีต้นทุนทางการเงินสุทธิเพิ่มขึ้น 318 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการบันทึกกำไรจากการทำ CCS ลดลง 345 ล้านบาทและภาษีเงินได้ลดลง 829 ล้านบาท จากการดำเนินงานขาดทุน นอกจากนี้บริษัทมีกำไรจากการด้อยค่าและจำหน่ายทรัพย์สินจำนวน 250 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการขายที่ดินให้กับบริษัทปตท.ที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ”บริษัทระบุ
สำหรับผลการดำเนินงานปกติ ในปี 2561 บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิ 258,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% ทั้งจากราคาขายและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันใช้อัตราการกลั่นในระดับสูงขึ้นที่ 208,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 16% บริษัทยังมีกำไรขั้นต้นจาการผลิตตามราคาตลาด(Market GIM)จำนวน 33,607 ล้านบาทหรือ 13.60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 4% จากปี 2560 กำไรขั้นต้นจากการกลั่นตามราคาตลาดอยู่ที่ 12,858 ล้านบาท หรือ 5.20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1,195 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นตามการใช้กำลังผลิตที่สูงขึ้น เพราะผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพของโรงกลั่นน้ำมัน
ในปี 2561 ความต้องการน้ำมันดิบของโลกเฉลี่ย 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน ราคาน้ำมันดิบดูไบเคลื่อนไหวในกรอบ 49.5-84.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 69.4 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.2 เหรียญสหรัฐ จากราคาเฉลี่ย 53.2 เหรียญสหรัฐในปี 2560 เฉพาะไตรมาส 4 เฉลี่ยอยู่ที่ 67.4 เหรียญสหรัฐ ลดลง 6.9 เหรียญสหรัฐจากไตรมาส 3 ราคาผันผวนอยู่ในช่วง 49.5-84.4 เหรียญสหรัฐ โดยขึ้นสูงสดที่ 84.4 เหรียญสหรัฐในช่วงต้นเดือนต.ค. 2561
ส่วนแนวโน้มในปี 2562 บริษัทคาดว่าธุรกิจปิโตรเลียมจะดีขึ้น ราคาน้ำมันดิบจะดีขึ้นกว่าปีก่อน เคลื่อนไหวในกรอบ 60-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่มีตัวแปรเรื่องปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ นโยบายพลังงานสีเขยวและเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีก็มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์สไตรีนิคส์ กลุ่มโพลีโพรพิลีน
คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.09 บาท ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 27 ก.พ. 2562 กำหนดจ่ายเงินวันที่ 19 เม.ย.2562 ทั้งนี้บริษัทจ่ายระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 0.10 บาท รวมทั้งปีแจก 0.19 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 3,883 ล้านบาท ลดลงจากผลงานในปี2560 จ่ายหุ้นละ 0.29 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 5,926 ล้านบาท