บลจ.วรรณ ประเมินระยะสั้นตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวน แต่ยังมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาวในหุ้นกลุ่มที่มีนวัตกรรม รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แนะลงทุนกองทุน ONE-UGG ลงทุนกลุ่มเทคโนโลยี
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกมีแนวโน้มผันผวน โดยในสัปดาห์นี้การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1 ที่ใกล้จะหมดลงกอปรกับจะมีการประกาศอัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย. ของประเทศสหรัฐฯ ซึ่งถ้าหากออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์จะส่งผลให้ตลาดเริ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 ครั้งและอาจกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกได้
“ผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะเป็นความผันผวนต่อตลาดหุ้นเพียงระยะสั้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯ ยังมีสัญญาณการขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนจากเศรษฐกิจ (GDP) ในช่วงไตรมาส 1/2561 ซึ่งขยายตัวมากกว่าคาดการณ์ แม้ว่าอุปสงค์ในประเทศได้ชะลอตัวลงเนื่องจากการบริโภคที่ชะลอลง แต่ประเมินว่าเป็นเพียงผลกระทบชั่วคราว”นายพจน์กล่าว
ในแง่ของการลงทุน บริษัทแนะนำให้กระจายการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ เพื่อสร้างผลตอบแทนโดยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นต่างประเทศประมาณ 30% ซึ่งลงทุนในยุโรปประมาณ 7.5% ภูมิภาคอาเซียนประมาณ 10% และสหรัฐฯ เป็นส่วนใหญ่รวมถึงกลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น อาทิ กลุ่มเทคโนโลยี โดยบริษัทแนะนำกองทุนเปิดวรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ (ONE-UGG) มีนโยบายลงทุนในกองทุน Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund (กองทุนหลัก) โดยจะคัดเลือกหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงในหุ้นกลุ่มที่มีนวัตกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงและมีแนวโน้มที่จะเติบโตรองรับกับผู้บริโภคในอนาคต เช่น กลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ปฏิวัติเทคโนโลยี กลุ่มค้าปลีกออนไลน์ เพราะยังมีโอกาสการเติบโตที่ดี และยังได้รับความสนใจในการลงทุน ทั้งนี้ ในเชิงพื้นฐานของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโลก (MSCI ACWI Information Technology Index) อยู่ที่ 17.6 เท่า บ่งชี้ได้ว่า มูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังอยู่ในระดับที่ไม่แพงและมีความน่าสนใจเข้าลงทุน ขณะที่ตลาดคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS) เติบโตอยู่ที่ระดับ 18.3%
“ปัจจุบันกองทุน ONE-UGG กระจายการลงทุนในประเทศ 3 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐฯ 53.4% จีน 26.8% และ ฝรั่งเศส 7% โดยมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี 45% สินค้าฟุ่มเฟือย 32.8% และ Health Care ประมาณ 14.7% สำหรับผลดำเนินงานของกองทุน ONE-UGG ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(YTD 30 เม.ย. 61) อยู่ที่ระดับ 4.46% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ระดับ -3.24% ซึ่งเหมาะสมนักลงทุนที่เน้นการลงทุนในระยะกลางถึงยาว และสามารถถือลงทุนได้ระยะประมาณ 3 ปี” นายพจน์ กล่าว