ศาลแขวง ฯ ไต่สวนนัดแรก คดีฟ้อง “เกษม-ณพ ณรงค์เดช” และพวก 13 คน คดีซุกหุ้นวินด์เอนเนอร์ยี่ ร่วมกันโกงเจ้าหนี้มูลหนี้กว่า 2 หมื่นล้านบาท ต้นเหตุเกมส์พ่อตัดลูกพ้นกงสี
รายงานข่าวกล่าวว่า วันนี้ ( 8 พ.ค.) เวลา 9.00 น. ที่ศาลแขวงพระนครใต้ บัลลังก์ 6 ศาลได้นัดไต่สวนนัดแรก คดีที่บริษัท เน็กซ์โกลบอล อินเวสเมนท์ (NGI ) , บริษัท ไดนามิค ลิงค์ เวนเจอร์ (DLV ) และบริษัท ซิมโฟนี่ พาร์เนอร์( SPL ) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอร์ยี่่ (REC ) ซึ่งปัจจุบันได้เปลีี่ยนชื่อเป็น เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี่ ประเทศไทย ( KPNET ) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายณพ ณรงค์เดช รองประธานคณะกรรมการ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ ( WEH ) , นายเกษม ณรงค์เดช บิดานายณพ และพวกรวม 13 ราย ความผิดฐานร่วมกันโกงเจ้าหนี้ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท
มูลเหตุการฟ้องร้อง เนื่องจากบริษัท 3 แห่งในฐานะเจ้าหนี้ ได้ฟ้องคดีอาญา นายณพ นายเกษม และพวก ร่วมกันโอนหุ้น ปกปิดซ่อนเร้นข้อเท็จจริง โอนหุ้น WEH ซึ่งผลิตไฟฟ้าพลังงานลมรายใหญ้ ที่ REC ถือหุ้นอยู่ 59.4 % ไปให้นายเกษม โดยมีเจตนามิให้บริษัท ทั้ง 3แห่งที่เป็นเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในคดีที่อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ REC ซึ่งถือหุ้น WEH อยู่นั้น ได้ถูกคำสั่งห้ามจำหน่ายจ่ายโอน เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อพิพาทของผู้ถือหุ้นในคดีอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ รวมถึงห้ามทำธุรกรรมการเงินเกี่ยวกับหุ้นดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้น WEH ที่ถูกโอนออกไปในราคาต่ำให้กับนายเกษม มีการนำไปขายให้บริษัทในฮ่องกงในราคาต่ำ ก่อนจะนำกลับมาขายต่อให้นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้น รวมถึงผู้ถูกฟ้องร้องบางคนในคดีซุกหุ้นนี้ ได้ซื้อหุ้นกลับมาบางส่วนด้วย
ทั้งนี้ คณะอนุญาโตตุลาการของหอการค้านานาชาติ เลขที่ 21612 และเลขที่ 21790 มีคำชี้ขาด 2 ฉบับ ( 22 กันยายน 2560 ) ห้ามมิให้จำหน่ายจ่ายโอน ( Freezing ) หุ้น WEH ซึ่งนายณพ เข้าซื้อกิจการ WEH ผ่าน REC ( ชื่อใหม่ เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี่ ประเทศไทย หรือ KPNET ) ซึ่งมีการชำระค่าหุ้นเพียง 13 % เท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้หลักประกันการชำระเงิน ซึ่งต้องชำระตามสัญญาซื้อขายหุ้น จึงมีคำสั่งห้ามจำหน่ายจ่ายโอนหุ้นดังกล่าว รวมทั้งเรียกร้องให้ เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ ( KPNEH ) ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ที่นายณพ ตั้งขึ้นมาเพื่อถือหุ้น KPNET และบริษัท ฟูลเลอร์ตั้น เบย์ อินเวสต์เม้นท์ ลิมิเต็ด ( Fullerton ) ซึ่งนายณพ เป็นเจ้าของทั้ง 2 บริษัท และมีอำนาจควบคุม ให้ชำระค่าหุ้นเต็มจำนวน