หุ้นรพ.ตั้งหลักวิ่งแรง ตีความไม่คุมราคาสูงสุด

นักวิเคราะห์ขอเวลาหาคำตอบ ครม.เห็นชอบค่ายา-เวชภัณฑ์-ค่าบริการทางการแพทย์เป็นสินค้าควบคุม นักลงทุนเก่งกว่า สรุปว่าไม่ได้คุมราคาสูงสุด ไล่ราคาหุ้นวิ่งแรงทุกตัว โดยเฉพาะโรงพยาบาลขนาดกลาง เชื่อว่าได้ประโยชน์จากการคุมราคา เพราะมีโอกาสขยับขึ้นสูงกว่าปัจจุบัน ส่วนโรงพยาบาลพรีเมียมถูกปรับราคาลง

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดเหนือ 1,600 จุด เป็นครั้งแรกของปี 2562 โดยปิดที่ระดับ 1,601.77 จุด เพิ่มขึ้น 13.39 จุด หรือ 0.84% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 49,265.90 ล้านบาท จากแรงซื้อของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มพลังงาน นำโดย BDMS ปิดที่ 22.70 บาทบวก 1.10 บาทหรือ 5.09 % ส่วน BCH เพิ่มขึ้นมากกว่า ปิดที่ 15.90 บาท บวก 1.30 บาทหรือ 8.90% PTT ปิดที่ 49.50 บาท บวก 0.75 บาท

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เสนอให้นำค่ายา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ เข้าเป็นสินค้าและบริการควบคุมประจำปี 2562 และหลังจากนี้จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการเข้ามาดูแลในรายละเอียด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายทั้งประชาชน โรงพยาบาลเอกชน

“หนึ่งในสิ่งที่หลายฝ่ายสนใจ คือ บริการทางการแพทย์ ค่ารักษาพยาบาล ครม.ได้เห็นชอบตามที่พาณิชย์เสนอ อยากชี้แจงให้ชัดเจนว่า การเข้าเป็นบริการควบคุมนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปคุมราคาขั้นสูงสุดกับการรักษาพยาบาล เพราะค่ารักษาพยาบาล เป็นบริการที่มีความเฉพาะเจาะจง ไม่ได้เป็นสินทั่วไป” รมว.พาณิชย์กล่าว

พร้อมระบุว่า ก่อนหน้านี้ ที่ประชุม กกร.ได้มีมติไว้ชัดเจนแล้วว่าเมื่อนำค่าบริการทางการแพทย์เข้าเป็นบริการควบคุมแล้ว จะให้มีคณะอนุกรรมการที่มีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ทั้งตัวแทนของรัฐ คือ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข ตัวแทนภาคธุรกิจ คือ รพ.เอกชน และตัวแทนภาคประชาชน เข้ามามาเป็นกรรมการร่วมกันกำหนดมาตรการที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้ทั้งสองฝายเห็นชอบร่วมกันในการออกมาตรการ

“ไม่อยากให้ตระหนกตกใจ โดยเฉพาะตลาดทุน ว่ารัฐจะเข้าไปควบคุมราคาสูงสุดในค่าบริการทางการแพทย์ ซึ่งไม่เป็นความจริง…ในอดีตสินค้าและบริการควบคุมที่ขึ้นกับกระทรวงพาณิชย์ มีเพียงน้ำตาลทรายตัวเดียวที่เราคุมราคาสูงสุด นอกนั้นจะเป็นการใช้มาตรการที่เหมาะสมแตกต่างกันไป เช่น การแจ้งต้นทุน ราคาแนะนำ ดังนั้นขอให้สบายใจในเรื่องนี้ เราทำด้วยความรอบคอบ หารือกันทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุขในการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ทุกฝ่าย”นายสนธิรัตน์ กล่าว

รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพราะต้นทุนการประกอบการไม่เหมือนกัน โดยจะให้คณะอนุกรรมการที่จะตั้งขึ้นมาพิจารณาในรายละเอียดต่อไป จึงขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ว่ารัฐไม่ได้มีเจตนาจะเข้าไปแทรกแซง

“ครม.ต้องการให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับอนุกรรมการ ไปดูแลการออกมาตรการที่เป็นธรรม และเหมาะสมกับทุกฝ่าย ท่านนายกฯ ก็เห็นชอบตามนี้ และเข้าใจดีว่าในฝั่งประชาชนก็ต้องดูแลให้โปร่งใส และฝั่งผู้ประกอบการก็ต้องแข่งขันได้ เติบโตได้ และเป็น medical hub ต่อไปในอนาคต” รมว.พาณิชย์ กล่าว

อ่านประกอบ

หุ้นรพ.ไม่หวั่นคุมบัญชียา BDMS-BH ยังบวก

ครม.ไฟเขียวขึ้นบัญชีคุมค่ายา-เวชภัณฑ์-ค่าบริการทางการแพทย์