ธนาคารกรุงศรี มองเงินบาทสัปดาห์นี้กรอบ 31.50-31.90 หลังบาทแข็งค่ามากสุดในภูมิภาค ตลาดจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มซื้อขายในกรอบ 31.50-31.90 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.70 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 8 เดือน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 9.0 พันล้านบาท แต่ขายพันธบัตรเล็กน้อยที่ 59 ล้านบาท
ด้านเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้น กระตุ้นให้ตลาดขายทำกำไรในสกุลเงินอื่นๆ ส่วนเงินยูโรเผชิญแรงกดดันหลังข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซนอ่อนแอเกินคาด ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ชนะการโหวตไม่ไว้วางใจในรัฐสภา สนับสนุนการคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่าสหราชอาณาจักรจะสามารถหลีกเลี่ยงการออกจากสหภาพยุโรปโดยไร้ข้อตกลง (No-deal Brexit) ได้ในที่สุด
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังมีรายงานว่าจีนจะพยายามเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ กว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อจะลดยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามเนื้อหาของการเสนอร่าง Brexit ที่แก้ไขใหม่ รวมถึงการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญอื่นๆ แต่การอ่อนค่าของสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ รวมถึงเงินบาทจากปัจจัยนี้มีแนวโน้มเป็นไปอย่างจำกัดท่ามกลางความหวังว่าสงครามการค้าโลกจะคลี่คลายลง ขณะที่การปิดหน่วยงานราชการบางแห่งของสหรัฐฯ (Shutdown) ยังคงยืดเยื้อและอาจฉุดรั้งความเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากกว่าที่ตลาดเคยประเมินไว้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ข้อมูลส่งออกและนำเข้าเดือนธันวาคมของไทยหดตัวลงผิดคาด แต่ยังสอดคล้องกับตัวเลขการค้าจากทั่วโลกที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้บ่งชี้ถึงการชะลอตัวในวงกว้าง อย่างไรก็ดี ยังคงคาดว่าแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยในปี 2562 จะเปลี่ยนเป็นกิจกรรมการลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกจากเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติที่กลับเข้ามาสะสมหุ้นไทยหลังจากเทขายอย่างหนักกว่า 2.8 แสนล้านบาทในปี 2561
อนึ่ง ในภาพรวมคาดว่าการซื้อขายในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนจะเป็นไปอย่างระมัดระวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่ผ่านมาและแข็งค่ามากที่สุดในกลุ่มสกุลเงินภูมิภาคนับจากต้นปี