Krungthai Macro Research คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตต่อเนื่องที่ 4.1% เปิด 5 ประเด็นหลักกำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทย แนะภาคธุรกิจบริหารความเสี่ยงพร้อมปรับตัวในยุค Disruption
ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า Krungthai Macro Research คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 4.1% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจาก 4.3% ในปีก่อน ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเปลี่ยนจากการส่งออก และการท่องเที่ยว เป็นการลงทุนเอกชนและภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นในช่วงหลังของปี จากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC นอกจากนี้ มาตรการดูแลเศรษฐกิจฐานรากของภาครัฐ จะช่วยเสริมกำลังซื้อของภาคครัวเรือน
Krungthai Macro Research ประเมินความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่ความเสี่ยงจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นยังมีอยู่ ตลอดจนการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าภาคการผลิตจะชะลอตัวถึงไตรมาส 1 ปี 2562 เป็นอย่างน้อย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยได้
ดร.พชรพจน์ กล่าวอีกว่า ในปี 2562 มี 5 ประเด็นหลักที่กำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทย ได้แก่
1. สงครามการค้า ซึ่งยังฟันธงลำบาก ต้องรอดูการเจรจาในปลายเดือน ม.ค. – ต้น ก.พ. นี้ ว่าจะมัสัญญาณที่ดีออกมาหรือไม่
2. ภาวะเศรษฐกิจโลกจะถดถอยในปี 2563 หรือไม่ ซึ่งสิ่งที่ต้องจับตามอง คือ เศรษฐกิจจีน ที่อาจจะเติบโตเพียง 6% หากการเจรจาสงครามการค้าไม่ได้ข้อสรุป และจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อสินค้าทั่วโลก
3. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งประเมินว่า ดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้จะขึ้นไปได้สูงสุดเพียง 3% เท่านั้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อต่ำ
“ถ้า ธปท. ขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 3 ปีนี้ จะทำให้ต้นทุนทางการเงินค่อยๆ สูงขึ้น โดยประเมินว่า จะทำให้ดอกเบี้ย MLR เพิ่มขึ้น 0.16% – 0.24% ในปีนี้ และหลังจากปี 2562 จะเพิ่มขึ้นอีก 0.33% – 0.48% จึงไม่น่าเป็นห่วง” ดร.พชรพจน์ กล่าว
4. มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม ของ ธปท. โดยกำหนดเพดานสินเชื่อที่ที่สามารถกู้ได้ต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV Limit) จะทำให้ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ลดลง 4-22%
5. การหมดอายุของสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวม LTF ที่อาจจะกระทบกำลังซื้อในระบบ เพราะทำให้รายได้ระยะยาวลดลงแฉลี่ย 2.4% แต่คาดว่าจะมีผลเพียงเล็กน้อย หรือ ประมาณ 0.06% ของ GDP เท่านั้น เนื่องจากผู้ลงทุน LTF มีเพียง 3 แสนคนเท่านั้น
“แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโตได้ดีอยู่ แต่ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับภาคธุรกิจ Krungthai Macro Research แนะนำให้ภาคธุรกิจให้ความสำคัญการบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องของสภาพคล่องทางการเงิน ในภาวะที่กำลังซื้อจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น นอกจากนี้ หลายธุรกิจจะพบกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี จึงจำเป็นต้องมีแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคของ technological disruption อีกด้วย” ดร.พชรพจน์ กล่าว