ตลาดผันผวนแนะลงทุนอีทีเอฟ

ซื้อขายในตลาดเหมือนหุ้นเล่นง่ายกว่ากองทุน กางพอร์ตให้ดู ปิดจุดเสี่ยง บลจ.บางกอกแคปปิตอล เตรียมเสนอขายเป็นซีรีส์ 5 กอง ประเดิมดัชนีมั่งคั่งปลายสัปดาห์นี้ เฟ้นหุ้นชั้นดี ลงทุนไม่เกิน 30 ตัว

นายธนาวุฒิ พรโรจนางกูร หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล(BCAP) ผู้นำตลาดกองทุนรวมดัชนี(อีทีเอฟ) เปิดเผยว่าแนวโน้มตลาดหุ้นในปีนี้ คาดว่าจะมีความผันผวน หลังจากปีที่ผ่านมาดัชนีเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% แต่นักลงทุนยังสามารถลงทุนได้ เช่น การลงทุนหุ้นและการลงทุนในอีทีเอฟอย่างสม่ำเสมอหรือดอลลาร์ คอสต์ นักลงทุนสามารถซื้อขายอีทีเอฟได้ในตลาดหลักทรัพย์ เหมือนหุ้น แต่เข้าใจง่ายและลดจุดอ่อนของกองทุนรวม

“อีทีเอฟได้รับความนิยมมากทั่วโลก เฉพาะในสหรัฐอเมริกาก็มีมากกว่า 3,000 กองทุน ส่วนในประเทศไทย ยังมีอยู่น้อย ทั้งๆที่มีข้อดีอยู่มาก นอกจากสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้แล้ว ยังมีความผันผวนต่ำจะช่วยลดผลกระทบจากตลาดขาลงได้ นักลงทุนรู้ราคาที่ต้องการซื้อหรือขายทันที ไม่ต้องรอลุ้นราคาปิดสิ้นวันเหมือนกองทุนทั่วไป นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์การลงทุนชัดเจน พร้อมเปิดเผยข้อมูลพอร์ตลงทุนด้วย ที่สำคัญไม่ว่าจะเปลี่ยนผู้จัดการ กองทุนก็ยังคงลงทุนตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้”นายธนาวุฒิกล่าว

ปัจจุบัน บลจ.บางกอกแคปปิตอล ได้ออกอีทีเอฟมาแล้วจำนวน 3 กอง แต่ละกองมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท รวมมูลค่าประมาณ 3,600ล้านบาทในขณะนี้ และบลจ.วรรณ มีกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนบลจ.รายอื่นๆมีขนาดของกองอีทีเอฟไม่ใหญ่มากนัก

ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร

นายธนาวุฒิกล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะออกอีทีเอฟ ดัชนีสมาร์ทเป็นซีรีส์ รวม 5 กอง เริ่มด้วย BLOVAL เน้นลงทุนหุ้นมั่งคั่งไม่เกิน 30 ตัว แต่ละตัวมีน้ำหนักไม่เกิน 3% ของพอร์ต และกระจุกอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันไม่เกิน 20% เพื่อกระจายความเสี่ยง รวมถึงดูแลเรื่องต้นทุนบริหารพอร์ตด้วย ไม่ให้ซื้อๆขายๆหุ้นบ่อย กำหนดไว้ 1 เดือนไม่ให้เปลี่ยนตัวเกิน 10%

ส่วนวิธีการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต รอบแรกคัดออกหุ้นที่มีหนี้สูง ราคาแพง หรือหุ้นกำลังโดนเทขาย รอบที่สอง ไม่เลือกหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ พร้อมเสนอขายครั้งแรกวันที่ 10-18 พ.ค.นี้ ในราคาหน่วยละ 10 บาท ที่บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ทั้งนี้กองทุน มีระดับความเสี่ยงสูง เท่ากับ 6 นโยบายไม่จ่ายปันผล เพื่อนำเงินไปลงทุนต่อยอดต่อเนื่อง

ส่วนกองอีทีเอฟตัวต่อไป ได้แก่ BVALUE เน้นหุ้นคุณค่า เตรียมเสนอขายในเดือนมิ.ย.ตามด้วย BMOMENT กลยุทธ์หุ้นขาขึ้นคาดเปิดขายในเดือนก.ค. BDIV เน้นหุ้นมั่งคั่งจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เปิดขายเดือนส.ค. และBQLITY เน้นหุ้นเด่นกำไรมั่นคง คาดเปิดขายในเดือนก.ย.นี้

ทางด้านภาวะตลาดหุ้น ในเดือน พ.ค. นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นออกมามาก กดดันให้ดัชนีหุ้นปรับตัวลงแรง บล.ไทยพาณิชย์คาดการณ์แนวโน้มตลาดเดือนพ.ค.ว่า ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ จากปัจจัยหนุนในประเทศ ทั้งการลงทุนภาครัฐ และเอกชน รวมถึงแนวโน้มที่ดีของราคาน้ำมัน หนุนกลุ่มพลังงาน

“ประเด็น Sell in MAY มองว่าไม่น่าเกิดในปีนี้ มองกรอบเคลื่อนไหว 1820 และ 1850 ตามลำดับ แนวรับจำกัดบริเวณ 1765 และ 1745 จุด”บล.ไทยพาณิชย์ระบุ