บลจ.แอสเซท พลัส ออกกองทุนลุยหุ้นเวียดนามเติบโตสูง

บลจ.แอสเซท พลัส ส่งกองทุนเปิดแอสเซทพลัส เวียดนาม โกรท ฟันด์ (ASP-VIET) เชื่อศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงดันตลาดเติบโตต่อเนื่อง IPO 16-26 ม.ค. 2561 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท

นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัส เวียดนาม โกรท ฟันด์ (ASP-VIET) เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่สนใจกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นประเทศเวียดนาม เนื่องจากมองศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นเวียดนามมีโอกาสเติบโตและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน

กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนตราสารทุน ระดับความเสี่ยง 6 มีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดยสามารถผสมผสานทั้งการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามโดยตรงผ่านการคัดเลือกหุ้นรายตัวของผู้จัดการกองทุน บลจ.แอสเซท พลัส การลงทุนผ่านหน่วยลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศและ การลงทุนในกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน

ทั้งนี้ กองทุน ASP-VIET มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท กำหนดเสนอขายครั้งแรก (IPO) 16-26 ม.ค.2561 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท ภายหลัง IPO กองทุนจะเปิดให้ซื้อ-ขายได้ทุกวันที่ 25 (ที่เป็นวันทำการ) ของทุกเดือน โดยผู้ลงทุนจะต้องส่งคำสั่งขายหรือคำสั่งซื้อพร้อมชำระเงินล่วงหน้า

“การปฎิรูปประเทศไปสู่ระบบสังคมนิยมแบบกลไกตลาด (Market Socialism) ทำให้เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น ทั้งยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในทศวรรษที่ผ่านมา GDP มีอัตราเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณปีละ 5 – 7% และนักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโต 6-7% ในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า (ที่มา: Bloomberg ณ 31 ธ.ค. 2560) ด้านศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวคาดการณ์ว่าขนาดเศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตประมาณ 5-6% จนถึงปี 2030 (ที่มา: PWC, The long view: how will the global economic order change by 2050, as of February 2017) ” นายรัชต์กล่าว

บลจ.แอสเซท พลัส มองว่าเวียดนามยังคงมีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยมีปัจจัยขับเคลื่อน 3 ประการ ได้แก่ 1) โครงสร้างประชากรที่สะท้อนโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังจะเห็นได้จากประชากรที่ส่วนใหญ่มีอายุน้อยและพร้อมเป็นกำลังในภาคแรงงานเพื่อสำหรับรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งสวนทางกับประเทศต่างๆ ที่กลายเป็นสังคมผู้สูงวัย ไม่เพียงเท่านั้น อัตราการจ้างงานในเมืองของเวียดนามยังมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นสะท้อนทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจจากประเทศด้อยพัฒนาสู่ประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ให้สูงขึ้นในอนาคตรวมถึงสะท้อนโอกาสเติบโตของภาคการบริโภคภายในประเทศ

2) เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติยังคงมีมูลค่าสูงและมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างสม่ำเสมอสะท้อนชัดถึงความสนใจของนักลงทุนต่างชาติต่อประเทศเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันเกาหลีและญี่ปุ่น เป็นผู้ลงทุนหลัก และคาดว่า ในอนาคตอาจมีประเทศในยุโรปเข้ามาลงทุนมากขึ้นจากอานิสงส์จากการทำสัญญา FTA กับสหภาพยุโรป และ 3) เสถียรภาพทางการเมืองและนโยบายภาครัฐเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนระยะยาว ทั้งนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย ทุนสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่มั่นคงขึ้นและช่วยรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมายและลดลงต่อเนื่องใน 5 ปีที่ผ่านมาสะท้อนถึงความมีประสิทธิภาพของนโยบายทางการเงิน ไม่เพียงเท่านั้น ยังเปิดการค้าเสรีกับหลายประเทศและส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งเหล่านี้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนามให้ขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพและผลักดันตลาดหุ้นเวียดนามให้เติบโตต่อไปด้วย

ด้านความน่าสนใจของตลาดหุ้นในเวียดนาม นายรัชต์กล่าวว่า นับจากปีพ.ศ. 2556 ตลาดหุ้นดังกล่าวมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 6 เท่า (ที่มา: Credit Suisse : Asia Pacific / Vietnam, Equity Research Strategy , Bloomberg, ณ 27 พ.ย. 2560) และนับตั้งแต่ปี 2556-2560 ดัชนีหุ้นเวียดนาม (VN30) มีผลการดำเนินงานเฉลี่ยที่ 18% ต่อปี (ที่มา: Bloomberg, ณ 21 ธ.ค. 2560) ซึ่งถือว่ามีความน่าสนใจ และหากผนวกกับความพยายามของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาตลาดหุ้นเวียดนามจากปัจจุบันที่อยู่ใน Frontier Market ให้เข้าสู่ Emerging Market ภายในปี 2020 ด้วยแล้ว เชื่อว่าจะยิ่งส่งเสริมการขยายตัวของตลาดและส่งเสริมการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดยังคงมีความผันผวนจากการเก็งกำไรระยะสั้นของผู้ลงทุนรายย่อย จึงเหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนของตลาดหุ้นในต่างประเทศได้สูงและพร้อมสำหรับการลงทุนในระยะยาวเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากศักยภาพทางเศรษฐกิจของเวียดนามในอนาคต

ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนในกองทุน ASP-VIET ได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกเพียง 5,000 บาท