เปิดชื่อบจ.เข้า JUMP+ ปี’68 ทะลุเป้า MEDEZE ตั้งเป้ากำไรสุทธิปี’71 พุ่งขึ้น 85%

HoonSmart.com>>เปิดรายชื่อบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่า JUMP+ ปี 2568 ทะลุเป้า รวม 105 บริษัท ใน SET 52 แห่ง mai 53 แห่ง ส่องแผน “เมดีซ กรุ๊ป”(MEDEZE) เพิ่มมูลค่าบริษัท ตั้งเป้ากำไรสุทธิปี’71 พุ่งขึ้น 85%

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน (JUMP+) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย ปี 2568 มีบริษัทสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 105 บริษัท แยกเป็นบริษัทที่จดทะเบียนใน SET 52 บริษัท ส่งแผน 3 ปีแล้ว 3 บริษัท ได้แก่ BRI,MEDEZE และ ORI ด้านบริษัทที่จดทะเบียนในตลาด mai มี 53 บริษัท ส่งแผน 3 ปีแล้ว 12 บริษัท ได้แก่ FPI,HARN,IVF,KUMWEL,MCA,PRI,SAF,SCL,SKIN,STC,TMC และ ZIGA

กลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการมากที่สุดในปี 2568 อันดับ 1 คือ กลุ่ม SERVICE 27 บริษัท ประกอบด้วย ASIMAR,ATP30,BCH, BEYOND,BIS,DEXON,DV8,EKH,ERW,IVF,KLINIQ,LEO,LTMH,MCA,MEDEZE,MENA,MOSHI,PRTR,PTECH,QLT,SINGER,THMUI,TNP,TPL,TRP,UBA และ VIH

ตามด้วยกลุ่มอุตสาหกรรม PROPCON 20 บริษัท ประกอบด้วย A5,BKA,BRI,CCP,CHEWA,CMC,CPANEL,DEMCO,DHOUSE,FLOYD,ORI, ORN, PANEL,PRI,RT,SMART,SPALI,STC,STECH และ YONG

อันดับ 3 กลุ่มอุตสาหกรรม CONSUMP 16 บริษัท ได้แก่ AURA,BLC,HPT,IP,ITTHI,JSP,JUBILE,MOONG, NEO,PDJ,SEI, SKIN, SMD100 ,SNPS,TNR และ WARRIX

อันดับ 4 กลุ่มอุตสาหกรรม INDUS 15 บริษัท ประกอบด้วย ALLA,CHOW,FPI,FTE,HARN,KJL,KUMWEL, MGT,PSP,SAF,SALEE, SCL, SE,TMC และ ZIGA

อันดับ 5 กลุ่มอุตสาหกรรม AGRO 14 แห่ง CFARM,CHAO,FM,GFPT,KCG,NER,NTF,SNNP,SUN,TEGH,TWPC,WINNER,XO
กลุ่ม FINCIAL 4 บริษัท GCAP,HENG,MTC และ TURBO

อันดับ 6 กลุ่มอุตสาหกรรม TECH 5 บริษัท BBIK,BE8,INSET,NAT และ TBN

อันดับ 7 กลุ่ม RESOURC 4 บริษัท ABM,AGE,SPRC และ WP

ผ่าแผนเพิ่มมูลค่าบริษัท MEDEZE 

หนึ่งในบริษัทที่จดทะเบียนใน SET ที่ส่งแผน 3 ปีแล้ว คือ บริษัทเมดีซ กรุ๊ป (MEDEZE) ตั้งเป้ากำไรสุทธิ (Net Profit Growth) ปี 2569 โต 76% จากงวด 9 เดือนแรกปี 2568 ที่ติดลบ 33.49% ขณะที่ปี 2570 ตั้งเป้าโต 25% ปี 2571 โต 85%

 

สำหรับ แผนการเพิ่มมูลค่าบริษัท อยู่ภายใต้ กลยุทธ์ผู้นำการปฏิวัติสุขภาพอายุยืน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาวะของผู้คนทุกวัย(Lead the Longevity Revolution for Healthy Aging and Wellbeing)
ขับเคลื่อนด้วย 3 โครงการริเริ่มสำคัญ (Strategic Initiatives) ซึ่งมีโมเดลธุรกิจรองรับอย่างชัดเจน เพื่อสร้างการเติบโตในแต่ละเสาหลัก
1. โครงการขยายเครือข่ายสุขภาพสู่สากลผ่านเครือข่ายตัวแทน(Representative Model) โดยปี 2569 จะขยายแฟรนไชส์ในประเทศมองโกเลีย ปี 2570 ขยายแฟรนไชส์ในประเทศอินโดนีเซีย และปี 2571 ขยายแฟรนไชส์ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)

2. โครงการผู้นำนวัตกรรมบำบัดแห่งอนาคต (ATMPs) ปี 2569 ตั้งเป้าได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และขึ้นทะเบียนยา 2 โรค ได้แก่ ข้อเข่าเสื่อม และผิวหน้าเสื่อมตามวัย ปี 2570 ตั้งเป้าได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และขึ้นทะเบียนยา เพิ่ม 2 โรค ได้แก่
ชะลอวัย และหมอนรองกระดูกเสื่อม และปี 2571 ตั้งเป้าทำการวิจัยและขึ้นทะเบียนยา NK Cell และเซลล์รากผม

3. โครงการสร้างระบบนิเวศชีวเภสัชภัณฑ์ (Culture Media) ปี 2569 วางแผน ซื้อที่ดิน ก่อสร้าง วางระบบ ตรวจสอบและประเมินความพร้อมก่อนเริ่มดำเนินการ ปี 2570 เปิดตัวธุรกิจและขาย Supply ให้บริษัทแม่เมดีซและแฟรนไชส์ ปี 2571 ขยายตัวเชิงพาณิชย์ไปยังมหาวิทยาลัย ห้องปฏิบัติการ และสถาบันวิจัย

ธรรมาภิบาลรอบด้าน

สำหรับ แผนด้านธรรมาภิบาล (Governance Plan) ของ MEDEZE เน้น ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยครอบคลุมทั้งการเพิ่มความหลากหลายของกรรมการ การต่อต้านคอร์รัปชัน การเชื่อมโยงผลตอบแทนผู้บริหารกับ ESG และการบริหารความเสี่ยงใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย ประกอบด้วย

กำหนดนโยบายสรรหากรรมการที่มีความหลากหลาย เพิ่มสัดส่วนกรรมการอิสระและผู้หญิง สร้างสมดุลระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ การเงิน และธุรกิจ
การยกระดับการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันในองค์กร ด้วยการจัดทำ Code of Conduct และนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันที่ชัดเจน จัดอบรมพนักงานและคู่ค้าเรื่องจริยธรรมธุรกิจ และเข้าร่วมโครงการ CAC (Collective Action Coalition Against Corruption) เพื่อรับรองมาตรฐาน

การยกระดับการกำหนดผลตอบแทนระยะยาวของผู้บริหารโดยเชื่อมโยงกับ ESG ด้วยการ กำหนด KPI ที่เชื่อมโยงกับ Environmental, Social, Governance (ESG),ใช้ระบบ Long-term Incentive Plan (LTIP) ที่วัดผลทั้งด้านการเงินและ ESG และ สร้างแรงจูงใจให้ผู้บริหารมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน

การยกระดับการบริหารความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risks) เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ กฎระเบียบใหม่ หรือความผันผวนเศรษฐกิจโลก ด้วยการ จัดตั้ง Risk Committee เพื่อติดตามและประเมินความเสี่ยงใหม่ ใช้ระบบ Enterprise Risk Management (ERM) และจัดทำแผนรับมือและการสื่อสารความเสี่ยงต่อผู้มีส่วนได้เสีย

ปิด 5 ความเสี่ยงทางธุรกิจ 2569–2571

1. ความเสี่ยงด้านมาตรฐานการปฏิบัติงานและคุณภาพบริการ กรณี ตัวแทนแฟรนไชส์อาจไม่ปฏิบัติตาม SOPs และมาตรฐานทางการแพทย์ ที่จะกระทบความน่าเชื่อถือแบรนด์และความปลอดภัยผู้รับบริการ บริษัทฯจะใช้ระบบตรวจสอบคุณภาพเข้มงวด, Audit สม่ำเสมอ, และอบรมแฟรนไชส์ทุกระดับ

2. ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการขึ้นทะเบียนยา กรณี การอนุมัติ GMP และการขึ้นทะเบียนยาอาจล่าช้า จะกระทบต่อการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ชะลอตัว สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ บริษัทป้องกันโดยการตั้งทีม Regulatory Affairs เชี่ยวชาญ, ทำงานเชิงรุกกับหน่วยงานกำกับดูแล, เตรียมเอกสารและการทดลองทางคลินิกครบถ้วน

3. ความเสี่ยงด้านการเงินและการลงทุน กรณีการลงทุนใน Culture Media และการขยายแฟรนไชส์ใช้เงินทุนสูง จะกระทบกระแสเงินสด เพิ่มภาระหนี้สิน ป้องกันโดยการวางแผนการเงินระยะยาว, ใช้การระดมทุนหลายช่องทาง, ควบคุมต้นทุนและติดตาม ROI อย่างใกล้ชิด

4. ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน กรณี คู่แข่งทั้งในและต่างประเทศพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพและ ATMPs คล้ายกัน จะทำให้บริษัทฯสูญเสียส่วนแบ่งตลาด ลดความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน บริษัทป้องกันด้วยการ ลงทุน R&D ต่อเนื่อง, สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรมเฉพาะทาง, สร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย

5. ความเสี่ยงด้านบุคลากรและความเชี่ยวชาญ กรณี ขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และชีววิทยา ที่จะกระทบคุณภาพการวิจัยและการให้บริการ ทำให้การขยายธุรกิจล่าช้า บริษัทฯป้องกันด้วยการสร้าง Talent Pipeline ผ่านความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย, พัฒนาบุคลากรภายใน, ใช้แรงจูงใจและผลตอบแทนแข่งขันได้

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ขยายเวลารับสมัครโครงการ JUMP+ จากเดิมสิ้นสุด 30 ธ.ค. 68 ออกไปเป็น 31 มีนาคม 2569 เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและให้บริษัทขนาดใหญ่มีเวลาดำเนินการอนุมัติแผนงานมากขึ้น

รายงานโดย วารุณี อินวันนา