HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ตลาดหุ้นกู้ยั่งยืน (ESG Bond) ปี’68 ฟื้น ภาครัฐ-รัฐวิสาหกิจปรับแผนออกพันธบัตร นิยมออก ESG และ Sustainability-linked ส่วนเอกชนขายเพียง 43,970 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนถึง 29.5% เนื่องจากโครงการลงทุนจำกัด Green Bond เพิ่มขึ้นแต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยจากอดีต Blue Bond โตเร็ว ออกใหม่ 4,120 ล้านบาทจากภาคพลังงานและอาหารจากช่วงเริ่มต้นของตลาด

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานการออก ESG Bond ใหม่ในประเทศไทย เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวในปี 2568 หลังตลาดชะลอตัวมาหลายปี โดยมียอดตราสารหนี้ออกใหม่อยู่ที่ 186,404 ล้านบาท (ณ 22 ธ.ค.) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.7% ซึ่งอยู่ที่ 176,333 ล้านบาท เนื่องจากภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจเพิ่มการออก Sustainability-linked Bond และ Sustainability Bond ขณะที่ภาคเอกชนชะลอการออก ESG Bond โดยยอดออก Green Bond ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต จากจำนวนโครงการ ESG ใหม่ที่มีให้ลงทุนลดลง แต่ Sustainability-linked Bond และ Blue Bond ขยายตัว ส่วนแนวโน้มความสนใจต่อ Sustainability-linked Bond และ Blue Bond จะเพิ่มขึ้นในปี 2569
สาเหตุที่ทำให้ Sustainability-linked Bond ได้รับความสนใจมากขึ้นจากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน จากความยืดหยุ่นด้านกฎระเบียบ โดยผู้ออกสามารถกำหนด KPI ด้านความยั่งยืนได้ด้วยตนเอง ส่วน Blue Bond ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของตลาด จึงเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่มีสภาพคล่องต่ำและมีข้อมูลประกอบการลงทุนจำกัดเมื่อเทียบกับ Green Bond เนื่องจากจำนวนผู้ออกและตราสารยังน้อย โดยมีเพียง 4 รายและ 7 ฉบับ นับตั้งแต่เริ่มออกครั้งแรกในปี 2567 จนถึงปี 2568

“ตลาด ESG Bond ฟื้นตัว มาจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจปรับทิศทางการออกพันธบัตร มาออก Sustainability-linked Bond และ Sustainability Bond เพิ่มขึ้น กลายเป็นแรงส่งสำคัญที่ทำให้ตลาด ESG Bond ในปี 2568 ฟื้นตัว ด้วยยอดออกใหม่รวมกันกว่า 142,434 ล้านบาท (ณ 22 ธ.ค.) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 24.9% ซึ่งอยู่ที่ 114,000 ล้านบาท”
กระทรวงการคลังขยายการออก (Re-open) Sustainability-linked Bond รุ่น SLB406A ถึง 7 ครั้ง คิดเป็นมูลค่ากว่า 111,434 ล้านบาท (ณ 22 ธ.ค. ) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 271.4% ซึ่งอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท และเป็นการออกพันธบัตรรุ่น SLB406A ครั้งแรก เพื่อปรับโครงสร้างหนี้จากการเยียวยาผลกระทบในช่วง COVID-19
ด้านรัฐวิสาหกิจ โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) ออก Sustainability Bond เพิ่มขึ้นจาก 11,000 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 20,000 ล้านบาท (ณ 22 ธ.ค.68) หรือขยายตัวกว่า 81.8% เพื่อนำเงินไป Refinance สินเชื่อโครงการที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนและเพื่อชำระคืนเงินทุนที่ใช้ไปในการปล่อยสินเชื่อในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสังคมของธนาคาร
นอกจากนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ออก Sustainability-linked Bond 2,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการขยายและปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า

สำหรับภาคเอกชนการออก ESG Bond ใหม่ยังคงชะลอตัว มียอดออกใหม่อยู่ที่ 43,970 ล้านบาท (ณ 22 ธ.ค.) ลดลงจากปีก่อนถึง 29.5% ซึ่งอยู่ที่ 62,333 ล้านบาท จากการหดตัวของยอดออก Sustainability Bond และ Social Bond ขณะที่ยอดออก Green Bond เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต เนื่องจากปัจจุบันภาคเอกชนมีโครงการด้าน ESG ให้ลงทุนเพิ่มเติมค่อนข้างจำกัด กลับมาออก Green Bond เพิ่มขึ้นกว่า 62.5% จาก 6,800 ล้านบาทเป็น 11,050 ล้านบาท (ณ 22 ธ.ค.68) แต่มูลค่าการออกยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2564-2566 ซึ่งอยู่ที่ 25,805 ล้านบาท จากการที่ภาคเอกชนได้ลงทุนในโครงการด้าน ESG ไปแล้วในช่วงก่อนหน้า ทำให้ในช่วงนี้มีโครงการลงทุนด้าน ESG เพิ่มเติมค่อนข้างจำกัด
ภาคเอกชนหันไปออก Sustainability-linked Bond มากขึ้น จาก 15,360 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 28,800 ล้านบาท (ณ 22 ธ.ค.68) หรือเพิ่มขึ้นกว่า 87.5% เงินทุนส่วนใหญ่ถูกนำไปชำระคืนหนี้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งบางโครงการเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อสัตว์น้ำที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน
ด้าน Blue Bond ได้รับความสนใจมากขึ้นจากภาคพลังงานและอาหารในปีนี้ ด้วยยอดออกใหม่กว่า 4,120 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปลงทุนโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) และเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับกิจการ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและน้ำ
