สินเชื่อรายกลางปี’69 เสี่ยง NPL พุ่ง ยอดขาย”รถ-อสังหาฯ-ผลิต”หดต่อ

HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปี ’69 สินเชื่อลูกค้ารายกลาง รายใหญ่ หนี้ค้างจ่ายเกิน 90 วันพุ่ง ขณะที่สินเชื่อรายบุคคลกลุ่มรายได้ปานกลางกำลังจ่ายเริ่มเหือดแห้งส่อหนี้เสียเพิ่ม ผลจากเศรษฐกิจตกต่ำลากยาวร่วม 10 ปี 

น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปี 2569 ธนาคารไทยยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง หลังเห็นสัญญาณหนี้เสีย (NPL) จากกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กเริ่มขยายตัวและมีแนวโน้มลุกลามไปยังธุรกิจรายกลางและรายใหญ่ คาดว่า สินเชื่อของระบบแบงก์ไทยจะหดตัวลง 0.7% ในปี 2569 ต่อเนื่องจากที่คาดว่าจะหดตัวลง 2.3% ในปี 2568 จากการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ โดยตัวเลขล่าสุด ณ สิ้นเดือนต.ค.2568 สินเชื่อติดลบ 5% จากสินเชื่อบ้านและสินเชื่อรถยนต์หดตัว

ขณะที่ คาดว่าหนี้เสียในปี 2569 จะอยู่ที่ 2.80-2.97% ขยับขึ้นเล็กน้อยจากปี 2568 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.80-2.85%

ด้านสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีและสินเชื่อรายย่อย ทั้งในส่วนของสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเช่าซื้อ จะยังคงหดตัวตามข้อจำกัดด้านรายได้และอำนาจซื้อของภาคครัวเรือน
ขณะที่ หนี้ครัวเรือนในปี 2569 มีแนวโน้มชะลอลงมาที่ระดับไม่เกิน 85% ต่อจีดีพี ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง

สำหรับ สินเชื่อธุรกิจขนาดกลาง ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ ในกลุ่มรถยนต์ ยังคงติดลบต่อเนื่อง แนวโน้มของหนี้ค้างชำระในสเตจ 2 เกิน 90 วัน เพิ่มขึ้น โดยข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 3.94% จากงวดเดียวกันของปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 3.76% ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากกำลังซื้อของภาคครัวเรือน ในกลุ่มผู้มีรายได้ระดับกลางที่เริ่มใช้เงินเก็บหมด และไม่สามารถเติมสภาพคล่องใหม่ๆ ได้ จากการที่เศรษฐกิจซบเซามาร่วม 10 ปี ทำให้เริ่มที่จะมีการยืดเวลาการชำระหนี้ออกไปนานขึ้น สัดส่วนหนี้ค้างชำระกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8.31% หมายความว่าหนี้ 100 บาท จะเก็บหนี้ไม่ได้ 8.31 บาท

ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่ ภาพรวมของ NPL ยังดี แต่มีบางธุรกิจที่มีแนวโน้มหนี้เสียเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง อสังหาริมทรัพย์ และการผลิตขนาดใหญ่ ยังคงเป็นจุดเปราะบาง ทั้งในภาคที่อยู่อาศัยที่มีบ้านอยู่อาศัยยังล้นตลาด ในขณะที่กำลังซื้อหดตัว และสินเชื่อภาคการผลิต โดยเฉพาะสินค้าคงทนและอุปโภคบริโภคที่แข่งขันกับทุนจีน ที่สินค้าราคาถูกกำลังทะลักเข้ามาในภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทย กำลังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง

สำหรับ สินเชื่อที่มีแนวโน้มเติบโตในปีหน้า ได้แก่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ data center และกลุ่มธุรกิจส่งออกที่ยังพอไปได้ ที่ต้องการสินเชื่อเพื่อนำไปใช้หมุนเวียนในการทำธุรกิจ ในขณะที่การลงทุนใหม่จากจีนจะมาพร้อมกับทุน แต่ภาพรวมยังสะท้อนความเหนื่อยยากของภาคธุรกิจรายใหญ่

ด้านสินเชื่อรายย่อย ไม่ต้องพูดถึง กำลังซื้อประชาชนเหือดแห้งเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้ ที่ภาครัฐมีมาตรการออกมาช่วย รวมถึงแต่ละธนาคาร สถาบันการเงิน ต่างก็ช่วยกันเต็มที่ แต่หนี้ก้อนที่ค้างอยู่ก็ยังไหลต่อ ทำให้หนี้เสียลดลงได้ยาก เนื่องจากยังมีหนี้ที่อั้นอยู่และเตรียมจะไหลเข้าระบบในปี 2569

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ รวมถึงทิศทางคุณภาพสินเชื่อในปี 2569 ด้วยเช่นกัน จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบเซาต่อเนื่อง

“สิ่งที่ธุรกิจต้องทำในปีหน้า คือ ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ให้อยู่นิ่งๆ แล้วประคองธุรกิจ และพยายามรักษาสภาพคล่องเอาไว้”น.ส.ธัญญลักษณ์ กล่าว

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–