ปี’69 รายได้ 5 ธุรกิจบริการทรุด ต้นทุนพุ่ง-นำเข้าเพิ่ม-แข่งขันสูง

HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยกำลังซื้อหด เศรษฐกิจซบ ความตึงเครียดชายแดน สินค้าไหลเข้า ฉุดรายได้ 5 ธุรกิจบริการที่อ่อนไหวต่อกำลังซื้อ-การแข่งขันสูงหดตัว ด้านกลุ่มเมกะเทรนด์กระเป๋าตุง

น.ส.เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ทิศทางธุรกิจปี 2569 ยังอยู่ท่ามกลางความท้าทาย การชะลอลงของคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการแข่งขันกับสินค้านำเข้า กดดันการผลิตต่อเนื่อง แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น แต่ยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิด และการใช้จ่ายต่อหัวก็ลดลงด้วย กำลังซื้อครัวเรือนโดยเฉพาะจากกลุ่มเกษตรกร ยังถูกกดดันจากรายได้ที่ไม่ฟื้นเต็มที่ ทำให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เสี่ยงหดตัวเป็นปีที่ 4

ขณะเดียวกัน ต้นทุนการผลิตสูงถึง 50-70% ของต้นทุนรวมในหลายอุตสาหกรรม เพราะวัตถุดิบบางอย่างยังสูง เช่น ทองแดง ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และในอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมถึงค่าแรงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่แรงงานกัมพูชามีการกลับประเทศ และจำนวนวัยแรงงานของไทยเองลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการที่ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย แม้จะมีตลาดแรงงานจากศรีลังกา แต่ค่าแรงเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

ทำให้การสร้างรายได้สุทธิของบริษัทต่างๆ ในปี 2569 จะยากขึ้น ส่งผลให้รายได้เติบโตในอัตราที่ชะลอลง ภายใต้ศักยภาพตลาดที่โตต่ำด้วย ซึ่งธุรกิจต้องปรับตัวด้วยการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ปรับตัวรับเทรนด์อย่างแตกต่าง และมองหาตลาดใหม่ๆ

จากปัจจัยข้างต้น จะกระทบต่อธุรกิจบริการ ซึ่งเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ของประเทศ เช่น ค้าปลีก ร้านอาหาร การแพทย์ ก่อสร้าง ที่คาดว่าจะเติบโตชะลอลง และจะฉุดภาคการผลิตให้ลดลงด้วย

“เศรษฐกิจไทยปีหน้าเผชิญแรงกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะธุรกิจบริการที่อ่อนไหวต่อกำลังซื้อและการแข่งขันสูง โรงพยาบาลเอกชนถูกกระทบจากผู้ป่วยในประเทศที่ไม่มีประกันและผู้ป่วยต่างชาติที่ลดลง ร้านอาหาร Full Service เสี่ยงเสียตลาดให้กับร้านอาหารบริการด่วน หรือ QSR และ Street Food ขณะที่อสังหาฯ ที่อยู่อาศัยเอกชนยังชะลอตัวจากภาวะ supply-demand ไม่สมดุล แต่ยังมีกลุ่มธุรกิจที่ยังมีแรงหนุนเชิงโครงสร้าง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า โรงแรม ก่อสร้างที่อิงภาครัฐ และอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม”น.ส.เกวลิน กล่าว

น.ส.เกวลิน อธิบายว่า
1.กลุ่มค้าปลีก ที่เป็นสินค้าคงทนจะได้รับผลกระทบหนัก เพราะประชาชนจะเลื่อนการบริโภค รวมถึงสินค้าที่มีการนำเข้าจากจีนจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ การผลิตที่พึ่งพาจีน โดยเฉพาะสินค้าทุน เช่น ชิ้นส่วนเครื่องจักร แบตเตอรี่ คอมพิวเตอร์

2.กลุ่มโรงพยาบาลเอกชน จะได้รับผลกระทบจาก ผู้ป่วยในประเทศที่ไม่มีประกันสุขภาพเริ่มเลี่ยงการใช้บริการเอกชนเพราะค่าใช้จ่ายสูง,ผู้ป่วยต่างชาติจากตะวันออกกลางลดลง เนื่องจากหลายประเทศพัฒนาโครงสร้างการแพทย์ของตนเอง แม้จะมีตลาดใหม่จากกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่สามารถชดเชยการชะลอตัวของผู้ป่วยกลุ่มเดิมได้ และยิ่งมีความตึงเครียดชายแดนทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางมารับการรักษาได้
ขณะที่ ผู้ป่วยในประเทศที่ไม่มีประกันสุขภาพเอกชน เลือกที่จะประหยัดและเลื่อนการใช้บริการที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ทันตกรรมและศัลยกรรมความงาม

3.กลุ่มร้านอาหาร แม้จะได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและพฤติกรรมคนเมืองที่ออกไปทานข้าวนอกบ้าน แต่กำลังซื้อที่ชะลอทำให้ผู้บริโภคเลือกจ่ายในร้านที่ “คุ้มค่า” มากขึ้น จะกระทบร้านอาหารที่เป็นกลุ่ม Full Service Restaurant ที่อาจเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับร้านกลุ่มบริการด่วน หรือ QSR (Quick Service Restaurant) และสตรีทฟู้ด Street Food ที่ราคาย่อมเยาและตอบโจทย์นักท่องเที่ยว
ประกอบกับ ตลาดร้านอาหารมีการแข่งขันสูง เพราะมีผู้เล่นจำนวนมาก ทั้งไทยและต่างชาติ ทำให้แย่งส่วนแบ่งจากเค้กก้อนเดียว ทำให้เกิดการเปิดและปิดกิจการบ่อยขึ้น

4. กลุ่มก่อสร้าง ที่อิงภาคเอกชน เช่นการสร้างที่อยู่อาศัยยังอ่อนแรง เพราะล้นตลาด

5.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่อิงกับนิคมอุตสาหกรรมยังเติบโต เนื่องจากเชื่อมโยงกับการลงทุนของภาคการผลิต แต่ภาคที่อาศัยกำลังซื้อจากประชาชนจะได้รับผลกระทบจากภาวะ supply-demand ไม่สมดุล โดยกำลังซื้อของประชาชนลดลง

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจบริการที่ยังเติบโต เป็นกลุ่มที่อิงเมกะเทรนด์ ได้แก่ กลุ่มก่อสร้าง ที่อิงกับโครงการภาครัฐที่เป็นโครงการระยะยาวยังไปต่อได้ เพราะยังคงมีการลงทุนต่อเนื่อง แต่โครงการใหม่ยังต้องรอความชัดเจนด้านการเมือง โดยเฉพาะการแต่งตั้งรัฐมนตรีคมนาคม และกลุ่มก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ ในโครงการนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า