ไทย–กัมพูชาปะทะ ฉุดหุ้นส่งออก กระทบ CBG ร่วง 6.74% 

Hoonsmart.com>>ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ชี้ ความตึงเครียด ชายแดนไทย–กัมพูชา กดดันการค้า กระทบหุ้นส่งออก-โรงพยาบาล ด้าน CBG ร่วง 6.74%

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)กล่าวว่า ความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชาส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่าง 2 ประเทศ แม้สัดส่วนการส่งออกไปกัมพูชาจะอยู่เพียง 3% ของการส่งออกทั้งหมด แต่ตัวเลขมูลค่ากว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา ถือเป็นตลาดสำคัญอันดับ 3 รองจากสหรัฐฯ และอินเดีย ปีนี้ตัวเลขลดลงเล็กน้อยจากผลกระทบสถานการณ์ชายแดน

สำหรับ หุ้นที่จะได้รับผลกระทบ อาทิ คาราบาวกรุ๊ป (CBG) เพราะยอดส่งออกไปกัมพูชาสูง (ราคาหุ้นวันที่ 8 ธ.ค.68 ปิดที่ 41.50 บาท ลดลง 3 บาท หรือลดลง 6.74% จากวันที่ 4 ธ.ค.68)

รวมถึง หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล เช่น BDMS ที่จะสูญเสียรายได้จากผู้ป่วยกัมพูชาที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามารักษาได้ (ราคาหุ้นวันที่ 8 ปิดที่ 18.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท)

หากสถานการณ์ยืดเยื้อ นักลงทุนระยะยาว ควรรอจังหวะหุ้นปรับตัวลงแรงและเปิดโอกาสในการสะสม ช่วงที่ความกังวลสูงสุด เช่น ก่อนการเลือกตั้งหรือช่วงที่รัฐบาลเผชิญแรงกดดัน

นายเกษม มองว่า มาตรการภาษีใหม่ ที่รัฐบาลออกมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อส่งเสริมการออมและการลงทุนรายบุคคล (ISA) ในตลาดทุน ทั้งหุ้น และพันธ์บัตร วงเงินรวม 800,000 บาทต่อปี โดยให้สิทธิพิเศษกับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี ลดหย่อนได้สูงสุด 1.3 เท่า ขณะที่ผู้มีรายได้สูงใช้ตัวคูณ 0.7 แต่หากลงทุนในหุ้น ESG จะได้สิทธิพิเศษเพิ่มเป็น 1.2 เท่า นั้น

นับเป็นการกระจายสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เข้าถึงได้มากขึ้น และช่วยดึงเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย แม้ผลกระทบระยะสั้นยังจำกัด แต่ระยะยาวจะช่วยลดแรงขายออกจากตลาดเมื่อเทียบกับโครงการ LTF เดิมที่ครบกำหนดถอนพร้อมกัน

สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้ได้สิทธิภาษีตามมาตรการดังกล่าว นักลงทุนอายุน้อยที่รับความเสี่ยงได้มาก สามารถเลือกลงทุนในหุ้นเติบโตหรือกองทุนที่มีสัดส่วนหุ้นสูง

ส่วนนักลงทุนอายุมาก ควรเน้นหุ้นปันผลและหุ้น ESG ขนาดใหญ่ที่มีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ นักลงทุนต้องทำการกระจายความเสี่ยง