HoonSmart.com>>มิตรแท้ประกันภัย ประกาศแผนครบรอบ 80 ปี เบี้ยรวมทะลุหมื่นล้านบาทปี’70 ตัวแทนแสนคน ลูกค้าเคลมประกันรถยนต์รับเป็นเงินสด 80% แทนเลือกซ่อมอู่ ยันเงินทุนพร้อมรองรับธุรกิจขยาย
นายสุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย เปิดเผยแผนธุรกิจในโอกาสครบรอบ 80 ปี ในปี 2570 ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรวมแตะระดับ 12,000 ล้านบาท จากปี 2568 ที่คาดว่าเบี้ยรวมจะถึง 4,500 ล้านบาท และปี 2569 จะมีเบี้ยรวม 7,000 ล้านบาท เพิ่มตัวแทนเป็น 100,000 คน จากปัจจุบัน 18,000 คน
หลังจากมีการเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการปรับโครงสร้างระบบทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน
ขณะที่ ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทมี 1,616 ล้านบาท เพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของเบี้ยประกันในอนาคต โดยมีผู้ถือหุ้นที่พร้อมจะให้การสนับสนุน
เป้าหมายเบี้ยปี 2569 ที่ 7,000 ล้านบาท และ ปี 2570 12,000 ล้านบาท คนอาจจะมองว่าโม้ แต่เป็นการตั้งจากภาพที่ทีมบริหารต้องการอยากให้เป็น เป็นเป้าที่เป็นแรงบันดาลใจในการที่จะไปให้ถึง และเราเตรียมทุกอย่างเพื่อที่จะสนับสนุนเราเติบโตขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงจะไปถึงรึไม่เป็นเรื่องที่ต้องพยายาม
“ในช่วง 78 ปีที่ผ่านมา มิตรแท้ เจอปัญหามามากมาย ทั้งที่เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ การทำธุรกิจของบริษัทเอง และการถูกโจมตีด้วยข่าวลบลบ แต่สามารถผ่านมาได้ เป็นผลมาจากผู้ถือหุ้นที่คอยสนับสนุนทุกสถานการณ์ ทีมบริหารยังยืดหยัดในการร่วมแก้ปัญหา และพนักไม่ทิ้งบริษัท และผมทำอาชีพนี้มา 42 ปี พร้อมที่จะสนับสนุนและนำพาบริษัทให้ก้าวต่อไป ควบคู่กับการหาผู้บริหารรุ่นใหม่มารับช่วงต่อ”นายสุขเทพ กล่าว
นายสุขเทพ กล่าวว่า ด้าน การสร้างคน ได้ออกแบบผ่านการสร้างทีมงาน ทีมละ 50–200 คน มีรายได้จากค่าคอมมิชชั่น และรายได้จากการบริหารทีมในระยะยาว โดยบริษัทจะสนับสนุนการอบรมฟรีทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ทักษะการขาย และการบริหารทีม
“เราเชื่อหลักการที่ว่า ตัวแทนหนึ่งคน คือลูกค้าของเราด้วย และจะเป็นจุดเริ่มต้นนำลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มด้วยการบอกต่อถึงความคุ้มครองไปให้เพื่อน ครอบครัว และคนใกล้ชิด ทำให้ตัวแทนก็ได้ประโยชน์จากรายได้ค่าคอมมิชชั่นที่เพิ่มขึ้น ประชาชนก็ได้ความคุ้มครอง บริษัทก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้น”นายสุขเทพ กล่าว
นายสุขเทพ ยอมรับว่า การสร้างตัวแทนจำนวนมากในเวลา 2 ปี ตรงที่มีคอขวดด้านการสอบใบอนุญาต ที่ปัจจุบันที่มีข้อจำกัด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้โดยตรง แม้จะมีผู้สนใจสมัครจำนวนมาก แต่อาจส่งสอบพร้อมกันไม่ได้
มองว่าปี 2568 ที่เป็นปีภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สดใสนัก มีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะโตลดลงจากปี 2568 จะเปิดโอกาสให้คนสนใจทำงานมากกว่า 1 งาน คนวัยทำงานจำนวนมากเริ่มมองหาอาชีพเสริมหรือโอกาสใหม่ โดยอาชีพตัวแทนประกันภัยถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่มีเสน่ห์ เพราะเริ่มต้นได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ไม่มีเพดานยอดขายรายเดือน และไม่มีการตัดโค้ด
เมื่อเทียบกับขนาดตลาดประกันวินาศภัยไทยที่ราว 2–3 แสนล้านบาท เป้าหมายตัวแทน 100,000 คนจากกลุ่มคนวัยทำงาน 20–30 ล้านคนทั่วประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อม หากกลยุทธ์การสร้างคนและการพัฒนาระบบรองรับสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
ในด้านระบบหลังบ้าน บริษัทลงทุนพัฒนาระบบ MIA เพื่อบริหารเครือข่ายตัวแทนระดับหมื่นถึงแสนคน พร้อมปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์หลัก (Core System) ให้สามารถออกกรมธรรม์และให้บริการหลังการขายได้อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ แม้ปริมาณงานจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ด้านผลิตภัณฑ์ ประกันภัยรถยนต์ยังทำรายได้หลัก โดยเฉพาะตลาด “รถปีต่ออายุ” ตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป ซึ่งตลาดนี้มีการแข่งขันรุนแรงจากทั้งบริษัทประกันภัย โบรกเกอร์ และช่องทางจำหน่ายขนาดใหญ่
ในด้านพฤติกรรมผู้บริโภค ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ลูกค้าหันมาเลือกประกันภัยประเภท 2+ หรือ 3+ แทนประเภท 1 เพื่อปรับเบี้ยให้เหมาะสมกับกำลังซื้อ แม้เบี้ยเฉลี่ยต่อกรมธรรม์ลดลง แต่จำนวนลูกค้ายังไม่ลดลงตาม เพราะความจำเป็นในการมีประกันภัยยังคงอยู่
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดทางเลือกใหม่ให้ลูกค้าเคลมประกันภัยรถยนต์แบบรับเงินสดแทนการเลือกซ่อมอู่ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการอุบัติเหตุและตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ โดยตั้งเป้ามีลูกค้ารับเงินสดแล้วไปเลือกอู่ด้วยตัวเองเพิ่มขึ้นเป็น 80% จากปัจจุบันมีประมาณ 18%
“จะช่วยลดความขัดแย้งของลูกค้า เพราะเวลาเอารถไปซ่อมที่อู่ในเครือ ถ้าไม่พอใจคุณภาพการซ่อม ลูกค้าจะโทษประกัน ถ้าลูกค่ารับเงินสดถือว่าจบเคลม ส่วนจะนำรถไปซ่อมที่ไหนเป็นการตัดสินใจของลูกค้าเอง ดีทั้งบริษัท และดีต่อลูกค้า”นายสุขเทพ กล่าว
นายสุขเทพ กล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีผลิตภัณฑ์ประกันภัยอื่นๆ เพื่อการขยายโอกาสด้
ตลอด 78 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีเจตนารมณ์ในการอยู่เคียงข้างสังคมไทยด้วยความ “จริงใจ เปิดเผย” พร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกสถานการณ์ เพื่อร่วมบรรเทาผลกระทบและช่วยให้สังคมไทยก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน

ล่าสุด ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ส่งมอบอาหารแห้งและสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีพให้แก่ “ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือเครือข่ายวายุภักษ์” กระทรวงการคลัง เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้
ในการนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ให้เกียรติรับมอบสิ่งของ ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง
โดย วารุณี อินวันนา
