HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวโน้มดัชนีได้แรงหนุนจากคาดการณ์กนง.ลดดอกเบี้ย แนวรับ 1,265 – 1,270 จุด แนวต้าน 1,285 – 1,290 จุด ด้านสหรัฐฯรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน พ.ย. ปรับตัวลดลง ดัชนี PMI ภาคบริการต่ำสุดตั้งแต่มิ.ย. หนุนเฟดลดดอกเบี้ยธ.ค.ประชุม 10 ธ.ค.นี้ หุ้นเด่น AOT-SHR
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,265 – 1,270 จุด แนวต้าน 1,285 – 1,290 จุด คาดดัชนีได้แรงหนุนจากคาด กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ย และ มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังภัยน้ำท่วม แนะนำทยอยซื้อ HMPRO,DOHOME,GLOBAL จากการซ่อมแซม หุ้น AOT,AAV,ERW จากมาตรการฟื้นฟูภาคท่องเทียว SCB,TTB,KTB จ่ายเงินปันผลระดับสูง หุ้น SAWAD,AP,SPALI,DIF,CPNREIT ได้ประโยชน์หาก กนง.ปรับลดดอกเบี้ย
“วานนี้ภาพรวมนักลงทุนยังชะลอการลงทุนก่อนช่วงหยุดยาวปลายสัปดาห์ และยังผลการประชุมเฟดในวันที่ 10 ธ.ค. และ กนง.วันที่ 17 ธ.ค. คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 1.25% และปีหน้าคาดมีโอกาสลดลงอีก 1 ครั้งอยู่ที่ 1.0% ซึ่งเป็นปัจจัยช่วยหนุน Valuation ของดัชนี SET”
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA วานนี้ +0.86%,S&P500 +0.30%,Nasdaq +0.17% นำโดยกลุ่มพลังงาน +1.83%, การเงิน +1.27% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค -0.42%, เทคโนโลยี -0.32% หลัง ADP เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน พ.ย. ลดลง 32,000 & คาดจะเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่ง โดยธุรกิจขนาดเล็กถูกผลกระทบมากสุด และ US PMI ภาคบริการ พ.ย. อยู่ที่ 54.1 & ต.ค. 54.8 ต่ำสุดนับตั้งแต่ มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ CME FedWatch ชี้มีโอกาส 87% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค.
ขณะที่ราคาหุ้น Salesforce หลังปิดตลาด +1.86% รับข่าวกำไร Q3/68 ดีกว่าคาด และปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปีนี้ หลังอุปสงค์สินค้าในกลุ่ม AI ยังขยายตัวได้ดี ข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตามจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
วันศุกร์ US PCE ก.ย. คาด 2.8% & ส.ค. 2.7% YoY และ ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ พ.ย.
หุ้นเด่นแนะนำ AOT (เชิงกลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 43.75 บาท) รับ sentiment บวกความชัดเจนในเรื่องการแก้สัญญาสัมปทานกับ KPD ซึ่งผลออกมาใกล้เคียงกับที่เราประเมินก่อนหน้า อย่างไรก็ตามเชื่อว่านักลงทุนได้ตอบรับกับประเด็นนี้ไปนานแล้ว ส่วนประเด็นบวกจริงๆ คือเรื่องการปรับเพิ่ม PSC Inter ที่ 390 บาท/คน ซึ่งผลออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด เราประเมินผลบวกจะช่วย offset ผลกระทบจากการแก้สัญญาสัมปทานกับ KPD ได้ทั้งหมด ประกอบกับเรามีการปรับสมมติฐานจำนวนผู้โดยสารในระยะยาวเพิ่มขึ้นจาก +2% ต่อปี เป็น +3% ต่อปี ส่งผลให้เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68/69-69/70 เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 24% และ 55% กลายเป็น 2.1 หมื่นล้านบาท (+16%YoY) และ 2.8 หมื่นล้านบาท (+33%YoY) ทำให้กำไรกลับมาสูงกว่าช่วง pre-covid
พร้อมปรับราคาเหมาะสมเพิ่มเป็น 43.75 บาท (เดิม 31 บาท) อิงวิธี DCF (แบ่งเป็นการปรับขึ้น PSC ราว 9 บาท และการปรับสมมติฐานการเติบโตของผู้โดยสารในระยาวราว 3.75 บาท) คิดเทียบกับมาเป็น Forward PER ที่ระดับ 29.5 เท่า
หุ้น SHR(ทยอยซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 2.25 บาท) กำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 129 ลบ.(จาก 3Q67 ขาดทุน 53 ล้านบาท , +431%QoQ) หนุนด้วย 1.โรงแรมที่กลับมาเปิดหลังตกแต่งใหม่เสร็จสิ้น โดยเฉพาะโรงแรม ทราย ลากูน่า 2.High Season ของโรงแรมใน UK และ 3.มาตรการ“เที่ยวไทยคนละครึ่ง”
ด้านการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/68 คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีได้ต่อ โดยนักท่องเที่ยวเข้ามัลดีฟส์ช่วง ต.ค.68 +10%YoY/ พ.ย.68 +13%YoY ขณะที่โรงแรมในไทยเข้าสู่ High Season และมีปัจจัยบวกจากมตรการภาครัฐฯ ทั้งนี้ ตลาดคาด Adj. Profit ปี68และ69 ของ SHR* ที่ 339 ล้านบาท (+111%YoY) และ 455 ล้านบาท (+34%YoY) ตามลำดับ

