HoonSmart.com>>กกร.คาดเศรษฐกิจไทยปี 2569 ชะลอตัวโตแค่ 1.6–2.0% จากน้ำท่วมภาคใต้ทำรายได้สูญกว่า 9 หมื่นล้านบาท ผสมเศรษฐกิจโลกและจีนซบเซาฉุด เสนอรัฐ–เอกชนเร่งฟื้นฟูด่วน พร้อมมาตรการ “Quick Big Win” หนุน SMEs แข็งแรงขึ้น
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เป็นประธานการแถลงข่าวคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ร่วมกับนายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย และนายธวัชชัย เศรษฐจินดา กรรมการเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยระบุว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทย(GDP) ปี 2569 กำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายด้าน ทั้งปัจจัยภายในประเทศและสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะเติบโต 1.6–2.0%

ปัจจัยภายในประเทศ อุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคใต้ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างรุนแรง บางพื้นที่ถูกจัดเป็นสาธารณภัยระดับ 4 เทียบเคียงกับสึนามิปี 2547 ความเสียหายรวมหลายแสนล้านบาท โดยในเดือนธ.ค. 2568 เพียงเดือนเดียว สูญเสียรายได้ราว 2–3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 0.1–0.2% ของ GDP ทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีขยายตัวเพียง 2.0% และคาดว่าปี 2569 จะสูญเสียรายได้เพิ่มขึ้นถึง 9 หมื่นล้านบาท
กกร.ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ทั้งการมอบถุงยังชีพ การดูแลผู้ป่วย การลดภาระทางการเงิน และการฟื้นฟูที่อยู่อาศัย โรงงาน และสถานประกอบการ โดยสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกบริจาคเงิน 50 ล้านบาทผ่านสภากาชาดไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยมอบเงินและสิ่งของมูลค่า 7.8 ล้านบาท และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการ “พี่ช่วยน้องอุตสาหกรรมไทย” เพื่อฟื้นฟูโรงงานและช่วยผู้ประกอบการ ทั้งการส่งผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา การรับบริจาคอุปกรณ์ และการมอบส่วนลดสินค้าราคาพิเศษ
ทั้งนี้ กกร.เสนอให้การจัดการภัยพิบัติเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสร้างระบบป้องกันและรับมืออย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศ คาดว่าเศรษฐกิจโลก ปี 2569 จะมีทิศทางชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่อยู่ในภาวะ over supply จากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ทำให้จีนต้องหันพึ่งการส่งออกมากขึ้นตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจไทยต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ทั้งในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรมการผลิต
ความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีสหรัฐฯ และการแข่งขันจากสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้น กระทบต่อภาคการผลิต การจ้างงาน และกำลังซื้อ
กกร.เสนอให้รัฐและเอกชนร่วมมือแก้ปัญหาระยะสั้นควบคู่กับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจผ่านโครงการ Reinvent Thailand เพื่อยกระดับธุรกิจและ Supply Chain ด้วยแนวคิด “พี่ช่วยน้อง” สนับสนุนการใช้ Local content และสินค้า Made in Thailand ผ่านมาตรการภาษี เงินทุน และการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
“การที่ ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการ “Quick Big Win” เพื่อช่วยเหลือ SMEs ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนภาคธุรกิจให้เดินหน้าต่อในสถานการณ์ที่ท้าทาย รวมถึงการมีมติเห็นชอบปรับหลักเกณฑ์การวางหลักประกันแรงงานต่างด้าว จากเดิม 1,000 บาทต่อคน เป็นระบบขั้นบันไดตามจำนวนแรงงาน ช่วยลดภาระผู้ประกอบการรายเล็ก เสริมความสามารถด้านการแข่งขัน เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้นำเงินหลักประกันส่วนที่ได้รับคืนมาเสริมสภาพคล่องของกิจการ โดยที่ยังคงหลักเกณฑ์ความรับผิดชอบของนายจ้างต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น”นายเกรียงไกร กล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวว่า กกร.และเครือข่าย Zero Corruption ได้ร่วมกันต่อต้านคอร์รัปชัน โดยเสนอให้ยกระดับกลไกเชิงระบบมากกว่าการรณรงค์ ผ่านกรอบขับเคลื่อน 6 ด้าน ได้แก่ การปลูกฝังจิตสำนึก นโยบายต่อต้านการทุจริต ระบบบริหารความเสี่ยง เทคโนโลยี การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ และการคุ้มครองผู้เปิดเผยข้อมูล พร้อม Action Plan รายไตรมาส เช่น การประกาศเจตนารมณ์ “เอกชนฮั้วไม่จ่ายใต้โต๊ะ” การใช้ฐานข้อมูล ACT Ai ตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ การเปิดเผย “10 สินบนที่ไม่ยอมทน” และการผลักดันกฎหมายเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐาน OECD และ OGP เป้าหมายคือสร้างระบบกำกับดูแลที่โปร่งใส ลดต้นทุนคอร์รัปชัน และยกระดับมาตรฐานธุรกิจไทยในระยะยาว
