HoonSmart.com>> ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์(DJIA) วันที่ 25 พ.ย.2568 ปิดที่ 47,112.45 จุด เพิ่มขึ้น 664.18 จุด หรือ +1.43% ปรับขึ้นต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า จากการความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ และจากการซื้อขายหุ้นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ Alphabet และ Apple ทำสถิติสูงสุดใหม่
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,765.88 จุด เพิ่มขึ้น 60.76 จุด, +0.91%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,025.59 จุด เพิ่มขึ้น 153.59 จุด, +0.67%
การคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยพุ่งสูงขึ้นหลังจากที่คริส วอลเลอร์ ผู้ว่าการกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่ายังมีช่องว่างในการลดอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้
นักลงทุนยังคงจับตาข่าวที่อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินครั้งต่อไปของเฟด เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่าตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสเกือบ 83% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนธ.ค.นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจที่เริ่มรายงานหลังพ้นภาวะชัตดาวน์ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคอ่อนแอลงและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อชะลอตัวลง
กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดค้าปลีกเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่า 0.4% ที่นักวิเคราะห์คาด จาก 0.6% ในเดือนส.ค. ส่วนกระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่า 2.7% ที่นักวิเคราะห์คาด
นอกจากนี้ Conference Board เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพ.ย.ลดลง 6.8 จุด มาที่ 88.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และต่ำกว่า 93.2 ที่นักวิเคราะห์คาด
ความคาดหวังต่ออัตราดอกเบี้ยส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากรายงานของบลูมเบิร์กที่ว่า เควิน แฮสเซ็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติทำเนียบขาว เป็นตัวเก็งที่จะได้เป็นประธานเฟดคนต่อไป นักลงทุนมองว่าแฮสเซ็ตต์มีแนวโน้มที่จะผลักดันให้ธนาคารกลางใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชอบ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับ CNBC เมื่อวันอังคารว่า มี “โอกาสสูงมาก” ที่ทรัมป์จะ “ประกาศก่อนคริสต์มาส”
รอน อัลบาฮารี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ LNW กล่าว ก่อนวันศุกร์ตลาดมองว่ามีโอกาส 40% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย แต่ตอนนี้โอกาสสูงถึง 80% ซึ่งไม่เคยเห็นความผันผวนและความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดมากขนาดนี้มาก่อนภายในเวลาไม่กี่วัน ตลาดให้ความสนใจกับเรื่องนี้อย่างมาก กระแสข่าวที่มุ่งไปการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในวันที่ 10 ธันวาคม จะช่วยหนุนการวิ่งขึ้นในช่วงคริสต์มาส
ตลาดยังปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ฟื้นตัวจากช่วงขาลงที่ซบเซา ขณะที่ดัชนีหลัก ๆ ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงบางส่วนในเดือนนี้ Alphabet ยังคงร้อนแรง ขณะที่ Apple ปรับขึ้น 0.38% ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดใหม่
Alphabet ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1.5% ทำสถิติสูงสุดใหม่ และมูลค่าตลาดเข้าใกล้ 4 ล้านล้านดอลลาร์หลังจากที่ The Information รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า Meta Platforms กำลังพิจารณาใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อชิป AI ของบริษัทแม่ Google ส่วนหุ้น Meta เพิ่มขึ้น 3.8%
ในทางกลับกัน หุ้นของ Nvidia ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากข่าวนี้ เพราะนักลงทุนมองว่าท้าทายการครองตลาดของ Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชิป ราคาหุ้น Nvidia ลดลงกว่า 3%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุและการเงิน เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองทางบวกต่อแนวโน้มการหยุดยิงในยูเครน และความคาดหวังเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 568.01 จุด เพิ่มขึ้น 5.13 จุด, +0.91%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,609.53 จุด เพิ่มขึ้น 74.62 จุด, +0.78%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,025.80 จุด เพิ่มขึ้น 66.13 จุด, +0.83%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,464.63 จุด เพิ่มขึ้น 225.45 จุด, +0.97%
แนวโน้มการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อมาเกือบสี่ปียังคงเป็นแรงผลักดันให้ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุของยุโรปยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 2.4% หุ้น Heidelberg Materials ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 6.6% หุ้น Buzzi ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ พุ่งขึ้น 6.1% และหุ้น Rockwool ผู้ผลิตใยหิน พุ่งขึ้น 4.5%
เมื่อวันอังคาร ยูเครนได้ส่งสัญญาณสนับสนุนกรอบข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย แต่ย้ำว่าประเด็นละเอียดอ่อนจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขในการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 1% หลังจากร่วงลงกว่า 5% ในสองการประชุมล่าสุด จากการคาดการณ์ว่าสงครามในยูเครนใกล้จะสิ้นสุดลง
รัฐสภายุโรปได้อนุมัติโครงการมูลค่า 1.5 พันล้านยูโร (1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อระดมทุนการลงทุนด้านกลาโหมทั่วสหภาพยุโรปและสนับสนุนยูเครน ขณะที่สหราชอาณาจักรได้ให้คำมั่นว่าจะส่งมอบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมให้กับกรุงเคียฟในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ขณะเดียวกัน ตลาดประเมินข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ล่าช้าหลายชุด ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
ข้อมูลดังกล่าวออกมาหลังจากที่คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด ระบุว่า ข้อมูลแรงงานที่ยังคงอ่อนแออาจส่งผลให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนธันวาคม ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก
หุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 1.8% สอดคล้องกับหุ้นธนาคารอังกฤษ ก่อนที่ราเชล รีฟส์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักรจะประกาศงบประมาณในวันพุธ ขณะที่ ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานว่าภาคธนาคารจะได้รับการยกเว้นภาษี
สำหรับหุ้นรายตัว ธนาคาร ABN Amro ของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 6.4% หลังจากประกาศแผนการลดตำแหน่งงานเต็มเวลา 5,200 ตำแหน่งภายในปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดต้นทุน
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบมกราคม ลดลง 89 เซนต์ หรือ 1.51% ปิดที่ 57.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 89 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 62.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

