บลจ.กรุงศรีโชว์ AUM ทะลุ 7 แสนลบ.โต 10% มอง SET ปีหน้า 1,420 จุด หุ้นปันผลยังเด่น

HoonSmart.com>>บลจ.กรุงศรี โชว์ผลงานปี 68 มูลค่า AUM เติบโตแตะ 7.15 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% โตเหนืออุตสาหกรรม เงินไหลเข้าลงทุนสุทธิกว่า 5.7 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปี 69 AUM โตทะลุ 8 แสนล้านบาท ส่วนมุมมอง “หุ้นไทย” ลุ้นดัชนี 1,420 จุด ชูหุ้นกลุ่มปันผลสูงยังน่าสนใจ ตลาดต่างประเทศ “หุ้นสหรัฐฯ-หุ้นเฮลธ์แคร์-หุ้นเทคจีน” ยังน่าสนใจ พร้อมแนะนำจัดพอร์ตกระจายลงทุนตราสารหนี้ 45% หุ้นต่างประเทศ 48% หุ้นไทย 2% ทองคำ 5%

สุภาพร ลีนะบรรจง

นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทมีทรัพย์สินภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 714,755 ล้านบาท เติบโต 10% ตั้งแต่ต้นปี และสูงกว่าอุตสาหกรรม 3% โดยกองทุนรวมยังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัทและมีการเติบโตโดดเด่นถึง 13% ตั้งแต่ต้นปี สูงกว่าอุตสาหกรรม 6% การเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ได้รับประโยชน์จากเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิกว่า 57,000 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิทั้งหมด ทั้งนี้ กองทุนรวมของบลจ.กรุงศรี มีขนาดใหญ่อันดับที่ 5 ของอุตสาหกรรม” (ข้อมูล ณ ก.ย. 68)

“กองทุนรวมของ บลจ.กรุงศรี ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ กองทุนกรุงศรีสมาร์ทตราสารหนี้–สะสมมูลค่า (KFSMART-A) มีเงินไหลเข้าสุทธิกว่า 35,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของอุตสาหกรรมในกลุ่มตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนกรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้–สะสมมูลค่า (KFAFIX-A) ซึ่งมีเงินไหลเข้าสุทธิกว่า 39,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ของอุตสาหกรรมในกลุ่มตราสารหนี้ระยะกลาง”นางสุภาพร กล่าว

นอกจากนี้ในปี 2568 บลจ.กรุงศรี ยังได้รับรางวัลจากสถาบันชั้นนำระดับสากลรวมทั้งสิ้น 13 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลจากสถาบันในประเทศ 5 รางวัล รวมถึงรางวัลจากสถาบันต่างประเทศอีก 8 รางวัล ครอบคลุมทั้งรางวัลบริษัทจัดการกองทุนรวมดีเด่น รางวัลการบริหารกองทุนตราสารหนี้ และรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมประเภทต่างๆ สะท้อนถึงศักยภาพ ความเป็นมืออาชีพ และความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของบริษัท” (ข้อมูล ณ พ.ย. 68)

ตั้งเป้า AUM ปี 69 โตทะลุ 8 แสนลบ.

นางสุภาพร กล่าวว่า สำหรับแผนงานในปี 2569 ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่า AUM แตะ 804,000 ล้านบาท เติบโต 16% โดยยังคงมุ่งพัฒนากองทุนและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ภาวะตลาด โดยเพิ่มความหลากหลายของกองทุนสกุลเงินต่างประเทศ รวมถึงกองทุนที่เหมาะกับผู้ลงทุนรายย่อยและผู้ลงทุนรายใหญ่ พร้อมขยายช่องทางจัดจำหน่ายร่วมกับพันธมิตร รวมทั้งยกระดับประสบการณ์ใช้งานผ่าน @ccess Mobile อย่างต่อเนื่อง

ศิระ คล่องวิชา

ด้านนายศิระ คล่องวิชา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยถึงมุมมองเศรษฐกิจปี 2569 ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น หลายประเด็นมีความชัดเจน เช่น การผ่อนคลายมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ความตึงเครียดทางการค้าที่ลดลง และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศ ค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มแข็งค่าจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่องจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจประเทศหลักจะฟื้นตัวแตกต่างกัน แต่ภาพรวมยังอยู่ในทิศทางขยายตัว เห็นได้จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวและเงินเฟ้อใกล้ระดับเป้าหมาย ส่วนเศรษฐกิจจีนยังเผชิญความท้าทายจากการชะลอตัวของการบริโภคและปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวจากการปรับขึ้นค่าจ้างและนโยบายของรัฐบาลใหม่

ชูหุ้นสหรัฐฯ-หุ้นเทคจีน-หุ้นเฮลธ์แคร์ น่าสนใจ

“ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น แต่พื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ยังคงแข็งแกร่ง โดยมองไม่ได้เกิดภาวะฟองสบู๋ แม้ราคาหุ้นแพง แต่ยังมีการเติบโตมีสตอรี่หนุน ขณะที่ตลาดตราสารหนี้เริ่มฟื้นตัวจากทิศทางการลดดอกเบี้ย ซึ่งเหมาะกับการทยอยลงทุนของนักลงทุนระยะกลางถึงยาว ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจโลกมาจากการเติบโตของเทคโนโลยีและ AI รวมถึงการย้ายฐานการผลิตเพื่อลดผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และการยุติการลดขนาดงบดุลของเฟด (QT) วงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดโลก แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม เช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีสหรัฐฯ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาการเมืองฝรั่งเศสที่อาจนำไปสู่วิกฤติในยุโรป และการแทนที่แรงงานด้วย AI ที่ส่งผลต่อการว่างงาน” นายศิระ กล่าว

ธีมการลงทุนเด่นในปี 2569 ได้แก่ หุ้นกลุ่ม AI, หุ้นสหรัฐฯ ที่ได้แรงสนับสนุนจากการลงทุนด้าน AI และการลดภาษี , หุ้น Healthcare ที่ราคาหุ้นไม่แพง, และหุ้นเทคโนโลยีจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากการพัฒนา AI อย่างรวดเร็ว

กองทุนเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ KFGDIV, KFHEALTH, และ KFCHINA-T10PLUS ซึ่งคัดเลือกหุ้นคุณภาพจากกลุ่มเติบโตสูง และได้แรงหนุนจากทิศทางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปี 2569

มองเป้าหุ้นไทยปี 69 ที่ระดับ 1,430 จุด

ส่วนเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การส่งออกที่ปรับตัวดี และภาคการผลิตที่ฟื้นตัวตามตลาดโลก ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าคาด แม้ยังมีปัจจัยต้องติดตาม เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมืองและความล่าช้าในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่เศรษฐกิจเทคโนโลยี

ด้านตลาดหุ้นไทยปี 2569 มองเป้าหมายดัชนี 1,430 จุด คาดการณ์กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (EPS) เติบโต 6-7% หรือ 95 บาท/หุ้น จากปี 2568 นี้คาดการณ์ดัชนีสิ้นปีที่ 1,320 จุด EPS ระดับ 89 บาท/หุ้น โดยมองภาพรวมผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นในปีหน้าอยู่ที่ประมาณ 8% ต่อปี ลดลงเมื่อเทียบในอดีตเฉลี่ยอยู่ที่ 12% เนื่องจากศักยภาพการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลง อย่างไรก็ตามหุ้นไทยยังคงน่าสนใจจากระดับราคาที่ไม่สูงเมื่อเทียบภูมิภาค และอัตราเงินปันผลมากกว่า 4% ต่อปี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/68 ออกมาดี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารที่ผลประกอบการเด่น ขณะเดียวกันบลจ.กรุงศรีมองสัญญาณดีที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนทยอยซื้อหุ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี สะท้อนความเชื่อมั่นกิจการ ส่วนฟันด์โฟลว์มองว่าขายออกไปมากแล้ว

“ปีหน้าเรายังมองหุ้นกลุ่มปันผลน่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่มีอัตราเงินปันผลสูง นอกจากนี้การคาดหวังการเลือกตั้งใหม่ซึ่งต้องติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ กองทุนหุ้นไทยแนะนำ ได้แก่ KFENS50 และ KFTSTAR”นายศิระ กล่าว

สำหรับตราสารหนี้ บลจ.กรุงศรี ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยประเมินว่าเฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยในช่วง 1–2 ปีข้างหน้า ประกอบกับเงินเฟ้อไทยอยู่ในระดับต่ำและอาจติดลบในปี 2568 จึงมีโอกาสที่ธปท.จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 1–2 ครั้งสู่ระดับ 1.00–1.25% ภายในครึ่งแรกของปี 2569 กองทุนตราสารหนี้ที่น่าสนใจ ได้แก่ KFSMART-A และ KFAFIX-A ส่วนตราสารหนี้ต่างประเทศยังคงน่าสนใจ เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และตราสารหนี้คุณภาพสูง โดยกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศแนะนำคือ KF-CSINCOME ที่กระจายการลงทุนทั่วโลกได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะกับสภาวะตลาดที่ยังผันผวน

จัดพอร์ตเน้นหนัก “หุ้นต่างประเทศ-ตราสารหนี้”

“การจัดพอร์ตปี 2569 บลจ.กรุงศรี แนะนำให้กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ และหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่ให้โอกาสเติบโตสูงที่สุด อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ แม้ขยับขึ้นจากผลของมาตรการภาษี แต่อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ขณะที่นโยบายการเงินและการคลังของประเทศหลักทั่วโลกยังสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้านตราสารหนี้ระยะกลางยังให้ผลตอบแทนที่ดีจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงและช่วยลดความผันผวนของพอร์ต สำหรับพอร์ตที่รับความเสี่ยงระดับปานกลางแนะนำตราสารหนี้ 45% กองทุนหุ้นต่างประเทศ 48% หุ้นไทย 2% และทองคำ 5% เพื่อกระจายความเสี่ยง แม้ระยะสั้นราคาจะปรับตัวขึ้น แต่ในระยะยาวยังได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก โดยแนะนำการทยอยสะสมเมื่อราคาย่อตัว” นายศิระ กล่าว

สำหรับกองทุนลดหย่อนภาษีในกลุ่มกองทุน RMF ธีมลงทุนล้อไปกับภาพใหญ่เช่นเดียวกับกองทุนรวม แนะนำกองทุน KFNDQRMF, KFHCARERMF, KF-US-PLUSRMF, KF-HSHARE-INDEXRMF ส่วนกองทุน Thai ESG แนะนำ KFGBTHAIESG-A , KFTHAIESGA

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–