รัฐเร่งปรับโมเดลเศรษฐกิจใหม่ กดปุ่มเงินลงทุน 3 แสนลบ.24 พ.ย.นี้

HoonSmart.com>>รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ โมเดลเศรษฐกิจเดิมไม่ตอบโจทย์ เร่งปรับโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ดันมาตรการ Fast Pass ปลดล็อคเงินลงทุน 3 แสนล้านบาท 24 พ.ย.นี้ เข้าระบบดันศก.ปี 2569 รีสกิลแรงงาน 1 แสนคน สร้างฐานเศรษฐกิจระยะยาว  

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน “Thailand 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ” ว่า การลงทุน โมเดลเศรษฐกิจเดิม ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ซึ่งทุกวันนี้ไทยยังพึ่งพา “บุญเก่า”อยู่

ในโลกธุรกิจใหม่ไทยต้องการการลงทุนที่เน้น พลังงานสะอาด (Green Energy) และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น semiconductor, automation, data center และ AI infrastructure จึงมีการเตรียมมาตรการ Fast Pass Policy ที่จะมีการเสนอครม.เศรษฐกิจสัปดาห์หน้า เพื่อปลดล็อคขั้นตอนอนุมัติการลงทุน ลดความล่าช้า และคาดว่าจะดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่กว่า 300,000 ล้านบาท จาก 60 โครงการให้เกิดขึ้นในปี 2569 จากยอดที่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ 1.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 90%

อีกหนึ่งเสาหลักคือการลงทุนใน ทรัพยากรมนุษย์ ผ่านการรีสกิลแรงงานไทย ตั้งเป้าอบรมและพัฒนากว่า 100,000 คนภายใน 4 เดือน โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและบริษัทต่างชาติ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เข้ามาช่วยเร่งการเรียนรู้ สร้างแรงงานที่พร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ เช่น semiconductor, automation และ data services ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่จะสร้างฐานเศรษฐกิจระยะยาว

นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ โดยเน้นพลังงานสะอาดและระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต รวมถึงการอัปเกรด Data Center สู่บริการขั้นสูงสำหรับ AI และดิจิทัล พร้อมใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น Infrastructure Fund, Thailand Future Fund และ PPP (Public–Private Partnership) เพื่อให้ภาครัฐและเอกชนร่วมกันลงทุน

นายเอกนิติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา 6-7 สัปดาห์ที่รัฐบาลเข้ามา ได้ทำการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะสั้น ที่เริ่มเห็นผลในไตรมาส 4 อาทิ

รัฐบาลได้ร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยและธนาคารพาณิชย์เอกชน เพื่อแก้ปัญหาหนี้รายย่อยที่มีวงเงินต่ำกว่าแสนบาท ซึ่งมีอยู่ประมาณ 3.4 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน เช่น บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ลูกหนี้จำนวนมากมีเจ้าหนี้หลายราย ทั้งธนาคารและนอนแบงก์ ทำให้ถูกติดตามหนี้ซ้ำซ้อนและเสียโอกาสในการฟื้นตัว มาตรการนี้จึงมุ่งดึงหนี้ออกมารวมเป็นก้อนเดียว เพื่อลดต้น ลดดอก และจัดการอย่างเป็นระบบ

ทั้งนี้ จะใช้เงินจากกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เหลืออยู่ราว 20,000 ล้านบาท โดยไม่พึ่งงบประมาณแผ่นดิน เป้าหมายคือการฟื้นวินัยทางการเงินและคืนศักยภาพให้ประชาชนรายเล็กได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่

“หนี้ครัวเรือนที่เป็นปัญหาสะสมมานาน การแก้ไขต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงมาตรการระยะสั้น แต่ต้องมองไปถึงการสร้างความสามารถในการ “ไปต่อ” ของประชาชนและระบบเศรษฐกิจโดยรวม”นายเอกนิติ กล่าว

นายเอกนิติ กล่าวว่า นอกจากการแก้หนี้รายย่อยแล้ว รัฐบาลยังผลักดันมาตรการ Supply Chain Financing เพื่อเติมสภาพคล่องให้ธุรกิจ โดยปรับเครดิตเทอมให้สั้นลง ใช้ระบบดิจิทัลตรวจสอบคำสั่งซื้อ และให้แรงจูงใจทางภาษี เช่นการคืนภาษีเร็วขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อ มาตรการนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นที่ให้ผลยาว เพราะช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็กมีระบบการเงินที่ยั่งยืน

นายเอกนิติ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความท้าทาย ทั้งการชะลอตัวของการเติบโต ปัญหาหนี้ครัวเรือน และการแข่งขันที่ลดลงในเวทีโลก การแก้ไขต้องเริ่มจากการยอมรับความจริงและปรับมุมมองใหม่ เพื่อให้สามารถออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตได้อย่างแท้จริง

การ “ปรับ” หมายถึงการยอมรับข้อเท็จจริงว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัว ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ลดลงเหลือเพียง 1.2% และหากไม่ดำเนินการใด ๆ ไตรมาส 4 อาจโตไม่ถึง 1% หรือใกล้เคียง 0.3% การปรับตัวจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งจากแรงกดดันของเศรษฐกิจโลก เช่นการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ และจากปัญหาภายในประเทศ เช่นจำนวนประชากรวัยแรงงานที่ลดลง หนี้ครัวเรือนที่สูง และความสามารถในการแข่งขันที่ถดถอย การปรับวิธีคิดจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจติดหล่ม

เมื่อปรับแล้ว ต้อง “เปลี่ยน” และ “ไปต่อ” ผ่านกลยุทธ์ที่ดำเนินการทันที โดยมีเป้าหมายคู่ขนานคือการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะสั้นและการสร้างการเติบโตระยะยาว การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นต้องออกแบบให้เกิดผลกระจายตัว

เช่น โครงการคนละครึ่งที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชนและกระจายรายได้ไปยังผู้ค้ารายย่อย ข้อมูลชี้ว่าโครงการนี้ช่วยให้รายได้ของ Rider เพิ่มขึ้นราว 15% และเงินกว่า 84% กระจายไปยังต่างจังหวัด แทนที่จะกระจุกอยู่ในกรุงเทพฯ การใช้กำลังซื้อภายในประเทศจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่การส่งออกชะลอตัว

ในระยะยาว กลยุทธ์มุ่งเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน โดยใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลเข้ามาช่วย เช่นการ Reskill ผู้ค้ารายย่อยให้สามารถขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ การส่งเสริมระบบ E-Tax และ E-Invoice เพื่อสร้างผลลัพธ์ระยะยาวด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมถึงการกระจายการลงทุนไปยังเมืองรอง เช่นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนในโรงแรมต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสร้างการกร

ะจายรายได้อย่างยั่งยืน

 

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–