TQM กำไร 587 ลบ.ลดลง 12.7% เดินหน้าดิจิทัล–AI ขยายฐานลูกค้า

HoonSmart.com>>ทีคิวเอ็ม อัลฟา โชว์กำไร 9 เดือน 587 ล้านบาท ลดลง 12.7% ลุยขยายตลาดผ่านดิจิทัล–AI เสริมบริการ–ผลิตภัณฑ์ตรงใจ พร้อมเร่งโตไตรมาส 4 รับฤดูกาลประกัน ลดหย่อนภาษี

บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา หรือ TQM รายงานผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2568 ด้วยรายได้รวม 2,967 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2.4% สาเหตุหลักจากธุรกิจประกันที่ชะลอตัวลงตามสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่ประกันรถยนต์ยังมียอดต่ออายุประกันอยู่ในระดับสูงประมาณ 80% สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้า และการตระหนักถึงความสำคัญของผลิตภัณฑ์ประกันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังดำเนินกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้ใช้รถปีเก่าและกลุ่มอื่น ๆ ต่อไป


ส่วนประกันบ้านได้รับความสนใจอย่างมากหลังเหตุแผ่นดินไหว ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 4.5% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงจากปีก่อน 2.7% ส่งผลให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 2.1% ทำให้มีกำไรสุทธิ 587 ล้านบาท ลดลง 12.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
คาดว่าเศรษฐกิจในปี 2568 ยังคงมีความท้าทายอยู่ TQM ยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์ โดยรักษาการเติบโตของประกันรถยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก โดยเฉพาะอัตราการต่ออายุ และมุ่งเน้นการพัฒนาบริการ ใช้ช่องทางดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ พร้อมหาโอกาสเติบโตจากการขายประกันชีวิตรายเดี่ยวให้กับฐานลูกค้าปัจจุบันผ่านความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตร
ส่วนธุรกิจการเงินยังมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ โดยให้น้ำหนักกับสินเชื่อเพื่อซื้อประกันซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ อีกทั้งเลือกให้สินเชื่ออย่างระมัดระวังและรอบคอบ

บริษัทอยู่ระหว่างการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการขาย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้น และด้วยฐานข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก บริษัทคาดว่าหากมีการนำมาปรับใช้อย่างเต็มรูปแบบ จะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา เปิดเผยว่า แม้ ไตรมาส 3 จะเป็นช่วงที่กำลังซื้อในตลาดค่อนข้างชะลอตัว แต่บริษัทยังดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรักษาอัตราการต่ออายุในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นใน แบรนด์และบริการของเรา นอกจากนี้ ลูกค้าใหม่ใน Segment ใหม่ ที่เราเข้าถึงผ่านช่องทางดิจิทัล ยังมีสัญญาณเติบโตที่แข็งแกร่ง

ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเสริมว่า หัวใจสำคัญของเราคือการมุ่งเน้นการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience Management) เพื่อรักษาฐานลูกค้าและยกระดับการบริการให้เหนือความคาดหวัง ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อ Easy Lending ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ Selective Lending เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ

ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตรายเดี่ยวซึ่งเป็นกลไกใหม่ในการเติบโตของกลุ่ม ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น (Ramp Up) และบริษัทกำลังเร่งขยายฐานลูกค้าอย่างเป็นระบบ โดยคาดหวังว่าจะเห็นผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในอนาคต โดยบริษัทฯ มั่นใจว่า การลงทุนด้านเทคโนโลยี AI และ Data Analytics จะเป็นกลไกสำคัญในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก ทำให้เราสามารถออกผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจคนไทยและตอบโจทย์ตลาดได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

บริษัทอยู่ในระหว่างการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการขาย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้นและด้วยฐานข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก บริษัทคาดว่าหากมีการนำมาปรับใช้อย่างเต็มรูปแบบจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4 คาดว่าจะเป็น High Season ของธุรกิจประกัน ทั้งประกันรถยนต์ และประกันชีวิตและสุขภาพเพื่อลดหย่อนภาษี จะเป็นช่วงที่ดีสำหรับการเร่งขยายตลาดประกัน พร้อมสร้าง Synergy กับพันธมิตรในเครือเพื่อขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทได้รับ 2 รางวัลเกียรติยศ คือ “รางวัลนายหน้าประกันภัยนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น” และ “รางวัลนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น” จากงาน Prime Minister’s Insurance Awards 2025 มอบโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และได้รับคะแนนประเมินการกำกับดูแลกิจการอยู่ในระดับ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินงานที่มีมาตรฐานและธรรมาภิบาลที่ดีอย่างต่อเนื่อง