17 หุ้นใหม่ปี’ 68 สอบผ่านเพียง 3 บริษัท FETCO จับเข่าคุย FA ตั้งราคาแพงไหม?

HoonSmart.com>>”หุ้นสมาร์ท”รวบรวมข้อมูลหุ้นเข้าใหม่ในปี 2568 ทั้งหมด 17 บริษัท  ใครถือหุ้นมาจนถึงวันนี้ สอบตกเกือบทั้งหมด เหลือเพียง 3 บริษัทที่สูงกว่าราคาขาย SKIN-PIS-TURBO สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ห่วง IPO ต่ำจองบั่นทอนตลาด เตรียมจับเข่าคุย FA และโบรกเกอร์ หารือเรื่องต่ำจอง ปรับแนวทางการตั้งราคาใหม่ พร้อมเสนอให้ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีและธุรกิจแห่งอนาคตเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น

ในปี 2568 (ม.ค.-12 พ.ย.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีหุ้นเข้าใหม่ จำนวน 6 บริษัท วันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขาย ราคาปิดสูงกว่าราคาขาย IPO 1 บริษัท คือ TURBO และ MRDIYT เท่ากับราคา IPO แต่มาถึงวันนี้ (12 พ.ย.) เหลือเพียง TURBO ที่ราคาสูงกว่า 4.00%

ส่วนตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) มี 11 บริษัทหุ้นใหม่ วันแรกสดใส มีเพียง 3 บริษัทเท่านั้นที่ปิดต่ำกว่าจอง แต่หากถือหุ้นมาจนถึงวันนี้กลับร่วงเกือบทั้งหมด มีเพียง SKIN  ยืนบวก 12.5% และ PIS เพิ่มขึ้น 10.67%จากราคาขาย IPO

ทางด้านดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ภาวะหุ้น IPO ยังคงเป็นประเด็นน่ากังวล เนื่องจากหุ้นหลายตัวที่เข้าซื้อขายต่ำกว่าราคาจอง สร้างความเสียหายต่อผู้ลงทุน สาเหตุหลักมาจากการตั้งราคาขายที่สูงเกินจริง ซึ่งต่างจากอดีตที่ราคาจอง IPO มักมีส่วนลดเพื่อสร้างผลตอบแทนเบื้องต้น 5–20% แต่ปัจจุบันกลับติดลบ 18–20%

FETCO ได้รับทราบเกี่ยวกับหุ้น IPO ที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าคาด และเตรียมหารือกับที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และบริษัทหลักทรัพย์เพื่อปรับแนวทางการตั้งราคาใหม่ พร้อมเสนอให้ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีและธุรกิจแห่งอนาคตเข้ามาจดทะเบียนในตลาดทุนไทยมากขึ้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายและศักยภาพการเติบโต

อย่างไรก็ดี แนวโน้มที่หลายบริษัทที่มีคุณภาพในไทยเลือกไปจดทะเบียนในต่างประเทศแทน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยไม่ดึงดูดนักลงทุน ทำให้ตั้งราคาหุ้นได้ไม่ดี ยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญ

พร้อมกับเตือนตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เร่งดึงธุรกิจนิวอีโคโนมีเข้ามาเพิ่ม โดยโครงการ BOI to IPO ต่องเร่งดำเนินการให้เกิดผลโดยเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทต่างชาติโดยเฉพาะจากจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก รวมถึงญี่ปุ่น ในอุตสาหกรรมแนวใหม่ หลังจากเกิดการส่งออกจะทำให้รายได้เข้าสู่ประเทศ รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น สร้างงานเพิ่ม และใช้เงินทุนจากสถาบันการเงินในประเทศมากขึ้น จะส่งเสริมการเติบโตต่อไปในระยะยาว และส่งผลให้ตลาดทุนไทยดึงดูดนักลงทุนเข้ามามากขึ้น

“ขณะนี้ นักลงทุนไปลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งลงทุนตรงผ่านแอพพลิเคชั่นชั่นต่างๆ และลงทุนทางอ้อมผ่าน DR แม้จะจดทะเบียนในไทย แต่หุ้นที่ลงก็เป็นหุ้นต่างประเทศ  ทำให้เริ่มมีบริษัทจดทะเบียนเริ่มมองว่าการไปจดทะเบียนในต่างประเทศจะได้ราคาที่ดีกว่าหลังจากเปรียบเทียบหุ้นในลักษณะเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระวัง”นายกอบศักดิ์ กล่าว

ส่วนตลาดหุ้นวันนี้   ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทรุดตัวลงแรง หลุด 1,300 จุด  กลับมาปิดใกล้ระดับต่ำสุด 1,284.81  จุด ร่วงลง  15.66 จุดหรือ
-1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม  38,898.51 ล้านบาท เกิดจากนักลงทุนสถาบันทิ้ง -1,868.92 ล้านบาท ต่างชาติขายด้วย 1,386.08 ล้านบาท แต่น้อยกว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทิ้งวันละมากกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยซื้อต่อ 3,551.17 ล้านบาท

ส่วนผลสำรวจความเชื่อมั่นระหว่างวันที่ 20–31 ต.ค. พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่ม ทั้งรายย่อย สถาบันทั้งในและต่างประเทศ กลุ่มบัญชีหลักทรัพย์ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มกราคม 2569) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ที่ระดับ 135.73 โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)

นักลงทุนสนใจลงทุนในหมวดพาณิชย์ (COMM) มากที่สุด รองลงมาคือหมวดธนาคาร (BANK) และหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN)

ในขณะที่นักลงทุนเห็นว่าหมวดแฟชั่น (FASHION) ไม่น่าสนใจมากที่สุด รองลงมาคือ หมวดสื่อสิ่งพิมพ์ (MEDIA) และหมวดเหล็ก (STEEL)

 
 /
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–