“คิงส์ฟอร์ด”คาดดัชนีได้แรงหนุนกลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันปรับขึ้น

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มหุ้นวันนี้แนวรับดัชนี 1,290 – 1,295 จุด แนวต้าน 1,310 – 1,315 จุด ตลาดอาจได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่น แนะนำซื้อเก็งกำไร PTTEP,TOP,SPRC พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่น SCGD, SHR

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,290 – 1,295 จุด แนวต้าน 1,310 – 1,315 จุด คาดดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และอยู่รอการรายงานกำไร Q3/68 ของ บจ.ต่าง ๆ แนะนำซื้อเก็งกำไร PTTEP,TOP,SPRC ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และค่าการกลั่น, กลุ่มที่รายงานได้กำไร Q3/68 ดีกว่า เช่นGFPT,SAT,SGC,TTW,AMATA,ICHI กลุ่มท่องเที่ยว AOT,BA,AAV,ERW,CENTEL,SHR คาดรายได้ Q4/68 เติบโตได้ในช่วง High Season

ผลการประชุม ครม.วานนี้ได้อนุมัติมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยไม่เกิน 1 แสนบาท/ราย ซึ่งมีจำนวน 3.4 ล้านคน มูลค่าหนี้ราว 1.2 แสนล้านบาท โดยภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุน และยังรอการรายงานงบ บจ.Q3/68 โดย บจ.ที่ส่งงบแล้ว 227 แห่ง รายงานกำไรดีกว่าคาด BB Consensus +4.4%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดวานนี้ DJIA +1.18%, S&P500 +0.21%, Nasdaq -0.25% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสุขภาพ +2.3%, พลังงาน +1.3% หลังวุฒิสภาสหรัฐผ่านงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวจนถึงวันที่ 30 ม.ค. 69 เพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ โดยรอการโหวตรับรองจากสภาผู้แทน ฯ ในช่วงค่ำวันนี้ ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี -0.72% นำโดย Nvidia -2.9% หลัง SoftBank Group ได้ขายหุ้น Nvidia ที่ถืออยู่มูลค่า 5.83 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำเงินไปลงทุนใน OpenAI

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ ADP เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเฉลี่ย 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. ลดลง 11,250 ตำแหน่ง กอปรนักวิเคราะห์คาดตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ต.ค. ลดลง 60,000 ตำแหน่ง อาจเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. โดยวันพรุ่งนี้ติดตาม US CPI ต.ค.คาด 3.1% & ก.ย. 3.0% YoY

หุ้นเด่นแนะนำ SCGD (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.30 บาท) รายงานกำไร 3Q68 ที่ 304 ล้านบาท +37%QoQ, +61%YoY มีปัจจัยหนุนจากยอดขายในต่างประเทศ ช่วยชดเชยยอดขายในไทยที่หดตัว ขณะที่กลยุทธ์ในการลดต้นทุนหนุนอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัว QoQ แต่ดีขึ้น YoY ด้าน SG&A และดอกเบี้ยจ่ายลดลง แนวโน้ม 4Q68 คาดเติบโต QoQ, YoY จากตลาดเวียดนามและประสิทธิภาพการดำเนินงานจากโครงการลดต้นทุน

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเป็นเท่าตัวภายใน 5 ปีจากกลยุทธ์ Asian Player เน้นการเพิ่มยอดขายในเวียดนามและอินโดนีเซียที่ตลาดอสังหาฯ เติบโต โดยเฉพาะเวียดนามมีความได้เปรียบด้านต้นทุนและ logistics เป็นฐานการส่งออกกระเบื้อง Glazed Porcelain ซึ่งมี margin สูง ส่วนตลาดไทยหันไปขยายวัสดุปูพื้นประเภท SPC ทดแทนกระเบื้องที่หดตัว อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 966 ล้านบาท +18%YoY และปี 69 ที่ 1.1 พันล้านบาท +14%YoY

หุ้น SHR (ซื้อ/ ราคาเป้าหมายBloomberg Consensus 2.15 บาท) กำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 129 ลานบาท (จาก 3Q67 ขาดทุน -53 ลบ., +431%QoQ) หนุนด้วย 1.โรงแรมที่กลับมาเปิดหลังตกแต่งใหม่เสร็จสิ้น โดยเฉพาะโรงแรม ทราย ลากูน่า 2.High Season ของโรงแรมใน UK และ 3.มาตรการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ด้านการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/68 คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีได้ต่อ โดยช่วง 1ต.ค.-8พ.ย.68 นักท่องเที่ยวเข้ามัลดีฟส์ยัง +11%YoY ขณะที่โรงแรมในไทยเข้าสู่ High Season และมีปัจจัยบวกจากมาตรการภาครัฐฯ ปัจจุบัน ตลาดคาด Adj. Profit ปี68และ69 ของ SHR* ที่ 339 ล้านบาท (+111%YoY) และ 436 ล้านบาท (+29%YoY) ตามลำดับ

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–