HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดพุ่ง ดัชนีดาวโจนส์บวก 381 จุด หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น นักลงทุนเชื่อมั่นหลังรัฐสภาตัดสินใจก้าวสำคัญ เพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ยาวนาน ทำลายสถิติซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 10พฤศจิกายน 2568 รวมทั้งดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกด้วยการปรับขึ้นของหุ้นเทคโนโลยี นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังจากรัฐสภาตัดสินใจก้าวสำคัญเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ยาวนานทำลายสถิติซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,368.63 จุด เพิ่มขึ้น 381.53 จุด, +0.81%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,832.43 จุด เพิ่มขึ้น 103.63 จุด, +1.54%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,527.17 จุด เพิ่มขึ้น 522.64 จุด, +2.27%
Nvidia พุ่งขึ้นเกือบ 6% ขณะที่หุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่น ๆก็ปรับขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Tesla และ Google ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3% เนื่องจากการยุติการปิดหน่วยงาน ทำให้นักลงทุนพร้อมที่จะกลับมารับความเสี่ยงอีกครั้ง หุ้นของ Microsoft ก็เพิ่มขึ้น 1.9% เช่นกันจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 8 วัน ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกันนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011
ตลาดมีความหวังมากขึ้นว่าการปิดทำการของหน่วยงานรัฐที่นาน 39 วัน อาจสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้ หลังจากการเจรจาข้อตกลงที่วอชิงตันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อคืนวันอาทิตย์(9 พ.ย.) ร่างกฎหมายฉบับใหม่ได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วในการลงมติขั้นตอนสำคัญของวุฒิสภา หลังจากที่มีวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวนมากเข้าร่วมกับพรรครีพับลิกันทำให้ได้คะแนนเสียงเพียงพอที่จะผลักดันมาตรการที่ออกแบบมาเพื่อยุติภาวะชะงักงันนี้ ขั้นตอนสำคัญต่อไปของวุฒิสภาคือการส่งร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวนี้กลับไปยังสภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก หากได้รับความเห็นชอบ ก็จะส่งไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย
ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวนี้จะจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลส่วนใหญ่ในระดับเท่ากับปีที่ผ่านมาไปซึ่งจะทำให้มีการเปิดทำการรัฐบาลจนถึงวันที่ 30 มกราคม 2026 แต่ข้อตกลงดังกล่าวก็ยังไม่มีการลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการให้เงินอุดหนุนตาม กฎหมายประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Affordable Care Act – ACA) ตามที่พรรคเดโมแครตเรียกร้องไว้ก่อนหน้านี้
หุ้นกลุ่มประกันสุขภาพร่วงลง โดยหุ้น Centene ลดลง 8.8%, หุ้น Humana ลดลง 5.4% และหุ้น Elevance Health ลดลง 4.4%
เดวิด มอร์ริสัน นักวิเคราะห์อาวุโสของ Trade Nation คาดว่า การเปิดทำการอาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะช่วยลดความกังวลที่ยังคงมีอยู่ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเนื่องจากการขาดข้อมูลทางเศรษฐกิจ ทั้งนักลงทุนและธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จึงเผชิญกับความไม่แน่นอน โดยประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ได้ลดความเป็นไปได้ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม
การปิดทำการที่ยาวนานส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและเศรษฐกิจโดยรวม โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันยังส่งผลกระทบต่อบริการของรัฐบาลกลางและการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญล่าช้าออกไป ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่เดิมกำหนดเผยแพร่ในสัปดาห์นี้น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด แม้ว่าการปิดทำการจะสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ก็ตาม
เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ข้อมูลเศรษฐกิจที่ล่าช้าจำนวนมากน่าจะได้รับการเผยแพร่ นักวิเคราะห์กล่าวว่า รายงานการจ้างงานเดือนกันยายนอาจเป็นหนึ่งในรายงานแรกๆ ที่ได้รับการเผยแพร่ ซึ่งจะช่วยธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการพิจารณาตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกตามบรรยากาศที่คึกคักในตลาดโลกนักลงทุนขานรับสัญญาณที่ว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ครั้งประวัติศาสตร์อาจสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 572.82 จุด เพิ่มขึ้น 8.03 จุด, +1.42%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,787.15 จุด เพิ่มขึ้น 104.58 จุด, +1.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,055.51 จุด เพิ่มขึ้น 105.33 จุด, +1.32%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,959.99 จุด เพิ่มขึ้น 390.03 จุด หรือ +1.65%
ตลาดเริ่มคลายกังวลเกี่ยวกับการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายที่จะเปิดทำการรัฐบาลอีกครั้งและเปิดทำการจนถึงสิ้นเดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายดังกล่าวยังคงต้องได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเพิ่มขึ้น 1.6% หุ้น Siemens Energy เพิ่มขึ้น 4.6% หลัง Jefferies ปรับคำแนะนำลงทุนจากถือเป็นซื้อ
ในบรรดาหุ้นรายตัว Diageo พุ่งขึ้น 8.2% หลังจากที่ผู้ผลิตสุรารายนี้ได้แต่งตั้ง Dave Lewis อดีตผู้บริหาร Tesco ขึ้นเป็นซีอีโอ เป็นการหันไปพึ่งบุคคลภายนอกเพื่อนำพาบริษัทผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม
หุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 2.9% โดยหุ้น Commerzbank พุ่งขึ้น 6.6% หลัง Deutsche Bank ปรับคำแนะนำลงทุนจากถือเป็นซื้อ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในยูโรโซนเดือนพฤศจิกายนลดลงมากกว่าที่คาดไว้
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.64% ปิดที่ 60.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.68% ปิดที่ 64.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

