HoonSmart.com>>บล.ซีจีเอสฯ ชี้สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวไตรมาส 4/68 ทั้งรายใหญ่-SME-ภาคครัวเรือน ส่วนสินเชื่อบ้าน-บัตรเครดิตทรงตัว แต่ทั้งปีสินเชื่อรวมหดตัว 3.3% ปีหน้าโต 1.1% โครงการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนด้วยการซื้อหนี้ NPL น่าจะคลอดครึ่งปีแรก 69 ให้น้ำหนักลงทุนเท่ากับตลาด ระยะสั้นขาดปัจจัยบวก มีดีราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี เงินปันผลสูง เลือก SCB และ KTB เป็น Top pick
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลสำรวจแนวโน้มสินเชื่อในไตรมาส 4/2568 ชี้ว่า สินเชื่อภาคธุรกิจน่าจะขยายตัวสูงขึ้น QoQ โดยความต้องการสินเชื่อทั้งในธุรกิจขนาดใหญ่และ SME มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจขนาดใหญ่ต้องการสินเชื่อเพื่อการลงทุน ส่วน SME ต้องการสินเชื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนี้ ความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน นำโดยสินเชื่อเช่าซื้อรถจากมาตรการส่งเสริมการขายของผู้ผลิตรถยนต์ และการจัดงาน Thailand International Motor Expo ในเดือนธ.ค. ขณะที่ความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบัตรเครดิต น่าจะทรงตัว
อย่างไรก็ตาม แม้ความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจะทำให้กลุ่มธนาคารมีสินเชื่อขยายตัวสูงขึ้น แต่ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของสินเชื่อในปี 2568-2570 อยู่ที่ -3.3%/+1.1%/+2.0% ทั้งนี้ สินเชื่อรวมช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ลดลง 3% จากสิ้นปี 2567
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากการสำรวจแสดงให้เห็นว่าสถาบันการเงินน่าจะมีมาตรฐานการให้สินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับลูกค้า SME ในไตรมาส 4/2568 แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ไตรมาส 4/67 โดยมองว่าผู้ให้บริการสินเชื่อระมัดระวังการปล่อยเงินกู้ให้ลูกค้า SME เนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายมีความ เปราะบางในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวต่ำ อย่างไรก็ตาม ธนาคารเชื่อว่าคุณภาพสินทรัพย์ของลูกค้าธุรกิจขนาด ใหญ่จะดีขึ้น QoQ หลังมีต้นทุนการกู้ยืมลดลง นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ว่ามาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนในไตรมาส 4 จะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า กระทรวงการคลังและธปท. เตรียมเปิดตัวโครงการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนด้วยการซื้อหนี้ NPL ของสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันที่มีวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท/รายจากธนาคารพาณิชย์, ธนาคารรัฐและบริษัทลูกของธนาคาร โดยกระทรวงการคลังตั้งเป้าให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ซื้อหนี้ NPL รวม 1.9 ล้านรายและกำหนดงบประมาณในเฟสแรกไว้ 4.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่เชื่อว่าโครงการน่าจะเสร็จสมบูรณ์ในครึ่งปีแรก 69 โครงการนี้จะช่วยลด NPL ในงบดุลของธนาคารและเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่ประสบปัญหาล้างประวัติการผิดนัดชำระหนี้ในระบบของเครดิตบูโร
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) ในกลุ่มธนาคาร เพราะขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น แต่ยังมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ปัจจุบันกลุ่มธนาคารซื้อขายอยู่ที่ P/BV 0.68 เท่าในปี 2569 หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตห้าปีที่ 0.64 เล็กน้อย ขณะที่เลือก SCB และ KTB เป็นหุ้น Top pick ธนาคารทั้งสองแห่งน่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่ 6.3-9.6% ต่อปีในปี 2569-2570 อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารจะมี downside risk หาก NPL เพิ่มสูงขึ้นและธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม ส่วน upside risk จะมาจากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มมากขึ้น ช่วยกระตุ้นการบริโภค รวมถึงภาษีสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดและการเปิดประมูลโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบา
