HoonSmart.com>>EXIM BANK โชว์ผลงานไตรมาส 3/68 สอดรับนโยบาย Quick Big Win เร่งฟื้นภาคส่งออกสู่รากฐานที่มั่นคง อนุมัติสินเชื่อใหม่ 36,405 ล้านบาท รวมคงค้าง 189,244 ล้านบาท บริการประกันรวม 152,091 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,299 ล้านบาท กด NPLs ลงเหลือ 3.99% จาก 5.16% ปีก่อน โค้งสุดท้ายของปี อาสาเป็นคู่คิดและพันธมิ ตรทางธุรกิจพาผู้ ประกอบการไปปั กธงในตลาดใหม่ ด้วยเครื่องมือทางการเงินที่พร้อมทุกสถานการณ์ เพิ่มฟันเฟืองสำคัญขั บเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้ าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ EXIM BANK ในการเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่ อนเศรษฐกิจไทย สนับสนุนผู้ประกอบการให้ปรับตัว แข่งขันได้ และมีรากฐานที่มั่นคงในระยะยาว สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล “กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว” (Quick Big Win) ผ่าน 4 แนวทางหลัก ได้แก่
1. กระตุ้นการส่งออก ด้วยสินเชื่อ “EXIM Export Booster” เพื่อสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ ประกอบการไทยที่ได้รั บผลกระทบจากสงครามการค้า มาตรการภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการให้สินเชื่อพร้อมประกั นการส่งออก (EXIM Safe Trade Credit) เพื่อบริหารความเสี่ยงและสร้ างความมั่นใจให้ผู้ ประกอบการสามารถขยายธุรกิจสู่ ตลาดใหม่
2. แก้ไขหนี้ ผ่านมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” และการปรับโครงสร้างหนี้ที่ เหมาะสม เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รั บผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจให้ สามารถฟื้นฟูกิจการและปิดหนี้ ได้เร็วขึ้น
3. เพิ่มสภาพคล่อง ด้วย “สินเชื่อเอ็กซิมเพื่อการส่ งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 3” ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ สถานประกอบการสามารถรักษาการจ้ างงาน รวมถึงสินเชื่อระยะสั้นต่าง ๆ ของธนาคาร
4. ลงทุนเพื่ออนาคต โดยสนับสนุนสิ นเชื่อที่เชื่อมโยงกับผลลัพธ์ด้ านความยั่งยืน อาทิ Sustainability Linked Loan และสินเชื่อ EXIM Green Goal เพื่อยกระดับศักยภาพธุรกิ จไทยให้เติบโตบนเส้นทางเศรษฐกิ จสีเขียว
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 EXIM BANK อนุมัติสินเชื่อใหม่ 36,405 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้ างและภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น 189,244 ล้านบาท โดยเป็นยอดคงค้างที่สนั บสนุนการรุกตลาดใหม่ (New Frontiers) รวมถึงกลุ่มประเทศ CLMV 36,399 ล้านบาท
ด้านการบริหารความเสี่ยง EXIM BANK ได้สร้างเกราะป้องกันผู้ ประกอบการจากความผั นผวนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่ างประเทศ ผ่านบริการประกันการส่งออก ซึ่งช่วยบริหารจัดการความเสี่ ยงจากปัจจัยที่ไม่คาดคิด เช่น การผิดนัดชำระหนี้ของคู่ค้า ความไม่มั่นคงทางการเมื องในบางประเทศ โดย EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจบริการประกันรวม 152,091 ล้านบาท สะท้อนบทบาทการเสริมสร้ างความเชื่อมั่นให้ผู้ส่ งออกสามารถขยายตลาดต่ างประเทศได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะการขยายตลาดส่งออกใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยง
EXIM BANK มีฐานลูกค้ารวม 5,188 ราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้า SMEs 79.38% นอกจากนี้ EXIM BANK ได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ดำเนินการเสริมศักยภาพผู้ ประกอบการผ่านการบ่มเพาะองค์ ความรู้ การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และการชี้ช่องทางสู่ตลาดใหม่ โดยมีผู้ประกอบการที่ได้รั บการส่งเสริมศักยภาพสะสมรวม 24,410 ราย
ด้านการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ EXIM BANK ให้ความสำคัญกับการบริหารจั ดการคุณภาพหนี้ ควบคู่กับการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขหรือปรับโครงสร้างหนี้ อย่างทันการณ์ ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 EXIM BANK มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิ ดรายได้ (NPLs) 7,069 ล้านบาท คิดเป็น NPL Ratio ที่ 3.99% ลดลงจาก 5.16% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิ ตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 17,702 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่ อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่ าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่ อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) เท่ากับ 250.42% สะท้อนความแข็งแกร่งในการบริ หารความเสี่ยงของธนาคาร แม้ภาวะเศรษฐกิจและการส่ งออกของไทยยังเผชิญหลากหลายปั จจัยเสี่ยง โดย EXIM BANK มีกำไรสุทธิ 1,299 ล้านบาท
ด้านการส่งเสริมการลงทุนเพื่ ออนาคต EXIM BANK สนับสนุนสินเชื่อและภาระผูกพั นเพื่อการลงทุน 140,081 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 74.02% ของยอดคงค้างทั้งหมด โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยื น (ESG) ทำให้มียอดสินเชื่อคงค้ างและภาระผูกพันเพื่อความยั่งยื น 89,134 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 47.10% ของยอดคงค้างรวม ซึ่งนอกจากการลงทุนในโครงการที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ธนาคารยังสนับสนุนผู้ ประกอบการทุกขนาดให้สามารถเข้ าถึงแหล่งเงินทุนในการยกระดับกิ จการให้เป็นที่ยอมรับในระดั บสากล รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อลด
ต้นทุนและคาร์บอนไปพร้อม ๆ กัน อาทิ สินเชื่อ Green X Transformation เพื่อให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขั นและเติบโตอย่างยั่งยืน
“ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี EXIM BANK จะทำหน้าที่เสมือน Export Co-pilot คู่คิดและพันธมิ ตรทางธุรกิจที่สามารถนำพาผู้ ประกอบการไทยเดินทางไปปั กธงในตลาดใหม่ได้จริง มียอดส่งออกเพิ่มขึ้น ด้วยเครื่องมือทางการเงิ นและการบริหารความเสี่ยงที่พร้ อมในทุกสถานการณ์ เพื่อเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขั บเคลื่อนเศรษฐกิจ และยกระดับขี ดความสามารถในการแข่งขันของผู้ ประกอบการไทยตลอดห่วงโซ่อุ ปทานให้เติบโตได้อย่างเข้มแข็ งและยั่งยืนต่อไป”นายชลัชกล่าว
