8 หุ้นค้าปลีก’สลบ’ต่อ ยอดขายสาขาเดิมต.ค.ติดลบ

HoonSmart.com>>บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนลฯ(CGSI) วิเคราะห์กลุ่มค้าปลีก 8 บริษัท การฟื้นตัวหยุดชะงัก ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เดือนต.ค.ติดลบ  7-Eleven ลดลง 1% BigC และ Lotus’sหดตัว -3% ถึง -4% DOHOME ฟื้นเหลือ -5%  ดีกว่า -11% ในไตรมาส 3  CRC ติดลบ 2% ฟื้นจากไตรมาส 3 เล็กน้อย เลือก CPALL และ MOSHI เป็นหุ้น Top pick

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า การบริโภคภายในประเทศไทยยังคงอ่อนตัวในเดือนต.ค.2568 และยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวจากไตรมาส 3 โดยประมาณการว่าผู้ค้าปลีกทั้ง 8 บริษัทที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯศึกษาจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ติดลบในเดือนต.ค.  สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เปราะบางและอุปสงค์ที่อ่อนตัวของสินค้าฟุ่มเฟือย

ฝ่ายวิเคราะห์ฯทำการศึกษาผู้ค้าปลีกทั้ง 8 บริษัท ประกอบด้วย BJC, CPALL, CPAXT, DOHOME, GLOBAL, HMPRO, MOSHI และ CRC เชื่อว่า การใช้จ่ายที่ขาดปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ๆ และสภาพคล่องที่ตึงตัวของครัวเรือนไทยยังคงกดดันการบริโภค ทำให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายช่วงที่หนี้ครัวเรือนสูง และรายได้เติบโตชะลอตัว ประเมินว่าผู้ค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคน่าจะมียอดขายลดลงเล็กน้อย ส่วนกลุ่ม Home improvement น่าจะมียอดขายที่ทรุดหนักลงไปอีก

ในเดือนต.ค.68 ร้าน 7-Eleven น่าจะมี SSSG อยู่ที่ -1% เพราะนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายน้อยลง ขณะที่ BigC และ Lotus’s น่าจะมี SSSG อยู่ที่ -3% ถึง -4% ซึ่งเป็นผลมาจากฐานที่สูงในช่วงต้นเดือน ต.ค.2567 เนื่องจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในช่วงสั้นๆ ส่วน Makro น่าจะมี SSSG อยู่ที่ ประมาณ -0.3% เพราะแรงกดดันจากอุปสงค์ที่อ่อนตัวจากภาคบริการและลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปขายต่อ (reseller) สำหรับโครงการคนละครึ่งพลัส ที่เริ่มต้นวันที่ 29 ต.ค. 2568 ยังไม่ช่วยเพิ่มยอดขายอย่างชัดเจน ทั้งนี้มองว่า การจับจ่ายซื้อสินค้าส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มสินค้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และยังคงขาดแรงหนุนจากยอดซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมาร์จิ้นสูงกว่า

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า กลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้า Home improvement ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าจะแย่สุด ไม่เพียงแต่ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายแล้ว ดูเหมือนว่า SSSG ในเดือนต.ค.อาจทรุดหนักลงไปกว่าไตรมาส 3/68 โดยประมาณการว่าร้าน HomePro และ MegaHome จะอยู่ที่ -8% และ -7% หรือแย่ลงเมื่อเทียบกับ -5.5% และ +1% ในไตรมาส 3 ตามลำดับ ส่วน GLOBAL น่าจะอยู่ที่ -5% หรืออ่อนตัวลงจาก -0.9% ในไตรมาส 3 เนื่องจากการปรับขึ้นราคาสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ไม่พอชดเชยผลกระทบจากจำนวนลูกค้าที่ลดลงและอุปสงค์ที่เปราะบาง

“เชื่อว่า DOHOME น่าจะเป็นเพียงบริษัทเดียวที่ SSSG ในเดือนต.ค. -5% จะดีกว่า -11% ในไตรมาส 3 เนื่องจากปัญหาเหล็กขาดแคลนคลี่คลายตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.  แต่ DOHOME ที่ดีขึ้นนี้ไม่ได้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของปัจจัยพื้นฐาน มองว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง, ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและ sentiment ที่อ่อนตัวในธุรกิจอสังหาฯจะยังจำกัดความต้องการที่อยู่อาศัย”

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า ในเดือนต.ค.MOSHI จะมี SSSG ติดลบที่ -9% จาก +5.4% ในไตรมาส 3 โดยสาเหตุหลักมาจากฐานที่สูงจากการจำหน่ายสินค้าที่ร่วมทำแคมเปญกับศิลปิน K-pop วง NCT Dream (SSSG +30% ในเดือนต.ค.67) มากกว่าจะเกิดจากอุปสงค์ที่อ่อนตัว อีกทั้งพบว่าติดลบน้อยลงจาก -12% ช่วงครึ่งเดือนแรกเหลือ -6% ในช่วงครึ่งหลังของเดือนต.ค. ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบจากฐานที่สูงเริ่มลดน้อยลง และหากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ต่อเนื่อง คาดว่า MOSHI จะกลับมี SSSG เป็นบวกได้เร็วกว่าที่คาดไว้ในเดือนธ.ค.2568

ขณะที่ CRC น่าจะมี SSSG อยู่ที่ -2% ในเดือนต.ค. หรือดีกว่าไตรมาส 3/68 เล็กน้อย โดยเชื่อว่า SSSG ที่ดีขึ้นของกลุ่มแฟชั่นและกลุ่มซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่วนหนึ่งโดนหักกลบ กลุ่มสินค้าฮาร์ดไลน์ (ส่วนใหญ่มาจากไทวัสดุ) ที่ติดลบสูงขึ้นจากประมาณ -3% ในไตรมาส 3  เป็นประมาณ -7% ในเดือนต.ค.68

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า ตัวเลข SSSG ล่าสุดช่วยยืนยันมุมมองที่ระมัดระวังของฝ่ายวิเคราะห์ฯที่มีต่อกลุ่มค้าปลีก ซึ่งยังฟื้นตัวไม่มากและไม่เท่าเทียม โดยผู้บริโภคยังเน้นซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นมากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนมาตรการของภาครัฐอย่างโครงการคนละครึ่งอาจช่วยบรรเทาปัญหาในระยะสั้น แต่เชื่อว่าปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง, ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นช้า และการที่ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุยังคงจำกัดการฟื้นตัว

“แนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นปลอดภัยอย่างผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและร้านสะดวกซื้อ ส่วนกลุ่ม Home improvement น่าจะมีผลประกอบการอ่อนตัวที่สุดในกลุ่มค้าปลีกไปจนถึงไตรมาส 4 แต่กลุ่มค้าปลีกโดยรวมยังมีความเสี่ยง-ผลตอบแทนที่สมดุล เนื่องจากผู้ค้าปลีกสินค้าประเภทอาหารยังทำกำไรสม่ำเสมอ แม้ว่าผู้ค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยและ Home improvement จะยังเผชิญกับปัจจัยลบจากเศรษฐกิจมหภาค”

จึงแนะนำให้ คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) ในกลุ่มค้าปลีก  โดยเลือก CPALL และ MOSHI เป็นหุ้น Top pick  มองว่ากลุ่มค้าปลีกจะมี upside risk หากการบริโภคฟื้นตัวเร็วกว่าคาดและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวดีกว่าคาด ส่วน downside risk จะมาจากการบริโภคที่ยังคงซบเซาและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น