HoonSmart.com>>”นอร์ทอีส รับเบอร์” (NER)เผยไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 326.58 ล้านบาท รวม 9 เดือน กำไรทั้งสิ้น 1,489 ล้านบาท เติบโต 15% อัตรากำไรสุทธิ 6.47% ของรายได้ยอดขายรวม 23,009.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.28% มั่นใจผลงานเข้าเป้าหมาย จับมือการยางแห่งประเทศไทย รวมผลผลิตยางพารา 200,000 ตันต่อปี สัญญา 5 ปี ต่อยอดขยายกำลังการผลิตโรงงานแห่งที่ 3 บล.กรุงศรีคาดไตรมาส 4 กำไรปกติโต เชียร์ซื้อ จุดเด่นหุ้นปันผลสูง 8-9% เป้าปี 69 ที่ 6.10 บาท
บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2568 มีกำไรสุทธิ 326.58 ล้านบาท ลดลง 34.20 ล้านบาท หรือ 9.48% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้จำนวน 360.78 ล้านบาท เกิดจากราคาขายที่ลดลงตามสภาวการณ์ของราคายางในตลาดโลก ส่วน 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 1,489.42 ล้านบาท เติบโต 15.18% จากที่มีกำไรสุทธิ 1,293.15 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.47% ของรายได้จากการขายรวม
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ยางผสมและสินค้าปลายน้ำแผ่นยางพาราปูพื้นคุณภาพสูง เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์กลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือน/ 2568 บริษัทมีปริมาณขาย 351,412 ตัน เพิ่มขึ้น 48,336 ตัน หรือ 15.95% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 23,009.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,495.43 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 24.28% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 17,194.56 ล้านบาท สัดส่วน 74.73% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 3,253.57 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 23.34%และรายได้จากการขายต่างประเทศ 5,815.29 ล้านบาท สัดส่วน 25.27% ของยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 1,241.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.15%
บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 62.33 ล้านบาทหรือ 0.27% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 21.81 ล้านบาทและมีรายการกำไรจากการวัดมูลค่าตราสารอนุพันธ์เท่ากับ 37.29 ล้านบาท คิดเป็น 0.16% ของยอดขายรวม และมีกำไรจากการวัดมูลค่าตราสารอนุพันธ์ลดลง 25.98 ล้านบาท ซึ่งเป็นการบันทึกรับรู้ประมาณการผลขาดทุนทางบัญชีจากสัญญาขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าที่บริษัทฯได้ทำไว้กับสถาบันการเงินเพื่อการลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนไตรมาส 3/2568 บริษัทฯมีปริมาณขาย 112,439 ตัน เพิ่มขึ้น 14,433 ตัน เติบโต 14.73% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 6,727.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 563.92 ล้านบาทหรือ 9.15% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 5,029.30 ล้านบาท สัดส่วน 74.76% ของยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 672.51 ล้านบาท เติบโต 15.44% และรายได้จากการขายต่างประเทศ 1,697.97 ล้านบาท สัดส่วน 25.24% ของยอดขายรวม ลดลง 108.59 ล้านบาท หรือ -6.01%
ด้านสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 มีจำนวน 20,040.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 582.44 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.99% จากสิ้นปี 2567
“บริษัทฯ ยังคงมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ล่าสุด บริษัทฯได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) เพื่อความร่วมมือในการบริหารจัดการผลผลิตยางพาราอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกันสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โดยมีเป้าหมายรวบรวมผลผลิตยางพาราจำนวน 200,000 ตันต่อปี ภายใต้สัญญาความร่วมมือระยะเวลา 5 ปีซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย พร้อมต่อยอดสู่การขยายกำลังการผลิตของโรงงานแห่งที่ 3 เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตได้อย่างมั่นคงอีกด้วย” นายชูวิทย์กล่าวในท้ายสุด
ด้านบล.กรุงศรีอยุธยามองกำไรไตรมาส 3/2568 ของ NER ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดราว 5% สาเหตุหลักจากอัตรากำไรขั้นต้น เพราะราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 59.8 บาท/กิโลกรัม ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และ-12% จากไตรมาสก่อน (QoQ)แม้ปริมาณขายจะทรงตัว 1.12 แสนตัน จึงไม่สามรถชดเชยกับราคาขายที่ลดลงแรงได้
สำหรับโมเมนตั้มไตรมาส 4 คาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากปริมาณและราคาขายเพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบลดลง จุดเด่นเป็นหุ้นปันผลสูง 8-9%ต่อปี คงคำแนะนำซื้อและใช้ราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 6.10 บาท (เดิมเป้าปีนี้ที่ 5.85 บาท)
