HoonSmart.com>>สภาทองคำโลก เผยไทยซื้อทองแท่ง-เหรียญทองคำเพื่อการลงทุนไตรมาส 3/68 สูงสุดรอบ 6 ปี คาดราคามีแนวโน้มสูงขึ้นจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อน ดอกเบี้ยลด ความกังวลเศรษฐกิจโลก
สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) เปิดเผยรายงานแนวโน้มความต้องการทองคำประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2568 พบว่าไทยมีความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนสูงที่สุดในรอบ 6 ปี นับจากไตรมาส 1 ปี 2562 โดยความต้องการภาคผู้บริโภคโดยรวมของไทยเติบโต 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 17.2 ตัน แม้ความต้องการทองคำเครื่องประดับจะลดลง 10% จากปีก่อนหน้า แต่ทองคำเพื่อการลงทุนโตถึง 30% จากไตรมาสก่อนหน้า ชดเชยแรงตลาดเครื่องประดับทองที่ลดลง
นายเซาไก ฟาน หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลก สภาทองคำโลก ระบุว่า ตลาดทองคำไทยยังไม่อิ่มตัว ความต้องการที่แข็งแกร่งสะท้อนโอกาสด้านผลตอบแทนสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในสินทรัพย์ประเภททองคำแท่งและเหรียญทองคำ ซึ่งยังคงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุน
ด้านความต้องการทองคำตลาดโลก ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,313 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 1.46 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยความต้องการด้านการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 47% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 537 ตัน คิดเป็น 55% ของอุปสงค์ทองคำสุทธิทั้งหมด
แรงส่งสำคัญมาจากความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และปรากฏการณ์ “FOMO” หรือความกลัวที่จะพลาดโอกาสในช่วงราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
นักลงทุนทองคำทั่วโลง ยังคงเข้าลงทุนกองทุน ETF ทองคำ อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นอีก 222 ตัน รวมสถานะการถือครองตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 619 ตัน (มูลค่า 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยกองทุนในอเมริกาเหนือนำโด่ง ตามด้วยยุโรปและเอเชีย
ในกลุ่มทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนทั่วโลก มีการเติบโต 17% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 316 ตัน โดยอินเดียและจีนเป็นตลาดหลัก ขณะที่อาเซียนโดยเฉพาะประเทศไทยมีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก
ด้านทองคำเครื่องประดับ ไตรมาส 3 ความต้องการลดลง 19% จากปีก่อนหน้า แม้จะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้าในตลาดใหญ่อย่างอินเดียและจีน แต่ภาพรวมยังคงอ่อนแอ โดยราคาทองคำที่พุ่งสูงถึง 50 ครั้งในปีนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการบริโภค
ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดซื้อสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ 220 ตัน เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 10% จากปีก่อนหน้า รวมยอดซื้อสุทธิตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 634 ตัน แม้จะต่ำกว่าระดับสูงสุดในช่วงสามปีที่ผ่านมา แต่ยังสูงกว่าระดับก่อนปี 2565 อย่างชัดเจน
การผลิตทองคำโดยรวมเพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 1,313 ตัน โดยการผลิตจากเหมืองแร่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% อยู่ที่ 977 ตัน และการรีไซเคิลทองคำเพิ่มขึ้น 6% อยู่ที่ 344 ตัน สะท้อนความเสถียรของอุปทานแม้ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น
นายหลุยส์ สตรีท นักวิเคราะห์อาวุโส สภาทองคำโลก กล่าวว่า ราคาทองคำที่แตะระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในไตรมาส 3 สะท้อนแรงขับเคลื่อนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าโลก ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ผลักดันความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
แนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นบวก จากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อ (stagflation) ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอีก
