คนละครึ่งฯ วันแรกสะพัด 752 ลบ. ทิสโก้เพิ่มเป้าศก.ปีนี้โต 2.1%

HoonSmart.com>>แรงตามคาด !แห่ใช้จ่ายเงินผ่าน “คนละครึ่ง พลัส” วันแรก เวลา 15.00 น. คลังเผยสำเร็จแล้ว 3.60 ล้านราย ยอดรวมกว่า 752.25 ล้านบาท เป็นเงินประชาชน 379.44 ล้านบาท รัฐร่วมจ่าย 372.80 ล้านบาท หนุนหุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) บวกสวนหุ้นกลุ่มแบงก์ เงินสะพัดปลายปี รวมส่งออกก.ย.พุ่งแรง 19% สำนักวิจัยแห่ปรับเป้าเศรษฐกิจปี 68 TISCO ESU เพิ่มขึ้นเป็น 2.1% จาก  1.9% คาดไตรมาส 3 ปีนี้โต 1.6% ลุ้นคลังเปิดตัวเลขใหม่ 30 ต.ค.นี้

กระทรวงการคลัง เปิดเผยการใช้จ่ายเงินผ่านโครงการคนละครึ่ง พลัส วันแรก วันที่ 29 ต.ค. 2568 ณ เวลา 15.00 น. มีผู้ใช้จ่ายสำเร็จแล้ว 3.60 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 752.25 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 379.44 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 372.80 ล้านบาท

ทางด้านนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในการใช้จ่ายเงินผ่านโครงการคนละครึ่ง พลัส ส่งผลให้ KTB เป็นธนาคารแห่งเดียวที่ราคาปรับตัวขึ้น ปิดที่ 26.75 บาท +0.50 บาท +1.90% ขณะที่การขายธนาคาร กดดัชนีกลุ่มปรับตัวลง 1.61 จุดหรือ -0.36% ปิดที่ 441.03 จุด  เนื่องจากความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% และส่งผลต่อเนื่องถึงกนง.มีการปรับลดลงอีก 1ครั้งภายในปีนี้ ส่งผลกระทบต่อกำไรของกลุ่มธนาคาร

ด้านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นัดแถลงประมาณการเศรษฐกิจไทย วันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.2568) คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มเป้าหมายของปี 2568 หลังจากตัวเลขส่งออกเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ขยายตัวสูงเกินคาดถึง 19% และกระทรวงพาณิชย์ มีการปรับเพิ่มประมาณการทั้งปีนี้เป็นขยายตัว 9.4-10.4%  กระโดดจากเดิมคาดเพียง 2-3%

นายเมธัส รัตนซ้อน หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า TISCO ESU ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขึ้นเป็น 2.1% จากเดิมคาดไว้ที่ 1.9% สะท้อนแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี และผลกระทบจากภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเบากว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า

ขณะที่ประมาณการการเติบโตในปี 2569 ยังคงไว้ที่ 1.6% โดยจับตาความเสี่ยงภายในประเทศอย่างใกล้ชิด  ยังคงเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 และอาจต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569

ด้านความเสี่ยงภายนอก แม้ผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะลดลงในระยะสั้น แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าที่อาจขยายขอบเขตการจัดเก็บภาษีมายังสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปัจจุบันยังได้รับการยกเว้นหลายรายการ รวมถึงความไม่ชัดเจนของภาษีสินค้าส่งผ่าน (Transshipment) ซึ่งอาจส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทยในระยะถัดไป

ในส่วนของนโยบายการเงิน TISCO ESU ยังมองว่าระดับปัจจุบันที่ 1.50% นั้นยังสูงเกินไป โดยคาดว่า ธปท. มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมรอบสุดท้ายของปีวันที่ 17 ธ.ค.นี้ และอาจมีการปรับลดเพิ่มเติมอีก 1-2 ครั้งในปี 2569 โดยขึ้นอยู่กับทิศทางเงินเฟ้อและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

TISCO ESU ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ซึ่งจะประกาศในวันที่ 17 พ.ย.นี้ จะขยายตัวราว 1.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และหดตัวลง 0.5% จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ตัวเลขอาจออกมาดีกว่าคาด หลังการส่งออกในเดือนกันยายนพลิกกลับมาขยายตัวถึง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงสุดในรอบ 42 เดือน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, Cloud และ Data Center ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ (หมวด HS Code: 84-85) จึงเป็นแรงหนุนสำคัญต่อภาคการส่งออกไทย

สำหรับปี 2569 TISCO ESU มองว่าเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยภาครัฐจำเป็นต้องเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างควบคู่ไปกับการดูแลเศรษฐกิจระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุขั้นสุดยอดในอนาคตอันใกล้ ปัญหาทักษะแรงงานที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการที่ลดลง และการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อปลดล็อกศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

 

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–