DELTAพุ่ง 9.76% แบกตลาดบวก 9 จุด วันเดียวรวยขึ้น 2.5 แสนลบ.แตะ 2.81ล้านล้านบ.

HoonSmart.com>>”เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ฯ”(DELTA) พุ่งแรงปิด 225 บาท บวก 20 บาท หรือ +9.76% รับข่าวกำไรไตรมาส 3/68 สูงเกินคาด วันเดียวมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นถึง 249,476 ล้านบาท รักษาแชมป์สูงสุด  2,806,608.62 ล้านบาท พยุงตลาดหุ้นรวมบวก 9.61 จุด ท่ามกลางแรงขายหุ้นแบงก์ และหุ้นใหญ่ นักลงทุนไล่ซื้อ DELTA ไม่สน  7 นักวิเคราะห์ แนะ”ขาย” หรือ”ถือ” ให้เป้าราคา 92-210 บาท

วันที่ 27 ต.ค.2568 บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เป็นผู้นำตลาดตัวจริง ราคาวิ่งขึ้นไปสูงสุด 231 บาท ก่อนปิดที่ระดับ 225 บาท เพิ่มขึ้น 20 บาทหรือ +9.76% ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงสุดของวันที่มากถึง 4,492.54 ล้านบาท เพิ่มมาร์เก็ตแคป 249,476.32 ล้านบาท เป็น 2,806,608.62 ล้านบาท

นักลงทุนสนใจเข้าลุยซื้อหุ้น DELTA เกิดจากบริษัทฯประกาศกำไรสุทธิไตรมาสที่ 3/2568 สูงเกินความคาดหมาย ช่วยสร้างสีสรรการลงทุนในตลาดหุ้นท่ามกลางแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทำให้ตลาดยืนบวกแข็งแกร่ง ระหว่างวัน ดัชนี SET ทะยานขึ้นสูงสุด 31 จุด ก่อนมาปิดที่จุดเกือบต่ำสุดปิดที่ 1,323.52  จุด เพิ่มขึ้น 9.61 จุด หรือ+0.73% มูลค่าการซื้อขาย 53,328.39 ล้านบาท

ทางด้านนักลงทุนต่างชาติทิ้งหนัก -2,302.16 ล้านบาท สถาบันไทยขายด้วย -2,437.98 ล้านบาท สวนทาง นักลงทุนไทยช้อน 2,719.47 ล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อ 2,020.67 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ 7 ราย มีการออกบทวิเคราะห์หลังบริษัทเดลต้าฯแจ้งกำไร โดยให้คำแนะนำ”ขาย” และ”ถือ”ช่วงราคา 92-210 บาท โดยบล.บียอนด์ คงคำแนะนำ “ลดน้ำหนักการลงทุน” ให้ราคาเหมาะสมต่ำที่สุด 92 บาทในปี 2569 โดยอ้างอิง PER ที่ 50 เท่าปัจจุบัน DELTA เทรดที่ PER 98 เท่า ซึ่งสะท้อนความคาดจากการเติบโตจากเทรนด์ AI สะท้อนในราคาหุ้นไปมากกว่าผู้นำด้าน AI อย่าง NVIDIA ที่ 31 เท่า ซึ่งอาจมีความเสี่ยงหากกำไรในช่วงปี2569-2570 ไม่เป็นไปตามคาดหวัง คาดกำไรในปี 2568-2570 ประมาณ  20,864  ล้านบาท,22,518 ล้านบาท และ 25,251ล้านบาทตามลำดับ

บล.บียอนด์ระบุว่า บริษัทเดลต้าฯประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ที่  7,441 ล้านบาท สูงเกินคาด (+25.9% YoY, +60.8%QoQ) หากตัดรายการพิเศษรวม 1,050 ล้านบาท เหลือกำไรปกติ  6,392 ล้านบาท (+3.1% YoY, +41.2% QoQ) กำไรดีกว่าที่ตลาดและเราคาด 14%

ปัจจัยที่หนุนการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง3 กลุ่มได้แก่1. Power Electronics, 2. Infrastructureและ 3. Automationหนุนจากการเติบโตของเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ประเภทPower Supply สำหรับServer และระบบ Networking ภายใน Data Centerการเติบโตของธุรกิจกลุ่มนี้ยังสอดคล้องกับแนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรม AI และ Hyperscale Data Center ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการลงทุนทั่วโลกส่งผลให้ความต้องการใช้อุปกรณ์ควบคุมการจ่ายไฟและระบบโครงสร้างพื้นฐานขณะที่กลุ่มธุรธุรกิจ Mobility ปรับตัวลดลงจากอุปสงค์ที่อ่อนแรงในตลาดหลักอย่างยุโรปและสหรัฐฯ Product Mix หนุน GPM SG&A เพิ่มจากการจ่าย Royalty อัตรากาไรขั้นต้น(GPM)ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่28.3%ในไตรมาสที่ 3 จากระดับ 25% ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และ27.6%ในไตรมาสที่ 3/2567  ปรับตัวเพิ่มขึ้นหนุนProduct Mix ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีAI ซึ่งมี Margin สูงกว่าและกลับรายการตั้งสำรองมูลค่า 590 ล้านบาท ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 5,900 ล้านบาท (+22.0% YoY, +29.2% QoQ)คิดเป็น SG&A to rev. ที่11.1% ใน ไตรมาสที่ 3 ปีนี้กับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ที่ 10.3% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากค่าลิขสิทธิ์(Royalty Fee) ที่จ่ายให้ DELTA Taiwan ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทรัพย์สินทางปัญญา และค่าใช้จ่ายด้านการขายในส่วนภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น

“กำไรสุทธิสะสมช่วง 9 เดือนปีนี้ อยู่ที่17.5 พันล้านบาทและกำไรปกติอยู่ที่ 15.9 พันล้านบาทคิดเป็น84% และ76% ของประมาณการทั้งปีตามลาดับ ขณะที่รายได้สะสม9 เดือนอยู่ที่ 4,231 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯคิดเป็น77% ของประมาณการรายได้ปีนี้ ซึ่งยังคงเป็นไปตามกรอบที่คาดการณ์ไว้ดังนั้นเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568-2570 ไว้เดิม”บล.บียอนด์ระบุ

 

 

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–