HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับที่ 1,300 และ 1,295 จุด ขณะที่แนวต้าน 1,320 และ 1,350 จุด ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะติดตามการประชุมเฟด (28-29 ต.ค.) ผลเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่งออกเดือนก.ย. กำไรบจ. สถานการณ์ชัตดาวน์สหรัฐฯ ฟันด์โฟลว์จากสัปดาห์ที่ผ่านมาซื้อสุทธิหุ้นไทย 7,777 ล้านบาท-พันธบัตรไทย 6,584 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ 32.40-33.00 บาท หลังทดสอบระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือนที่ 32.90 บาท
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (27-31 ต.ค. 2568) ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,300 และ 1,295 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,320 และ 1,350 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (28-29 ต.ค.) ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตัวเลขส่งออกเดือนก.ย. ของไทย ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบจ.ไทย สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ของญี่ปุ่น ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนต.ค. ของจีน
สัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลดท่าทีแข็งกร้าวต่อจีนลง ประกอบกับตลาดตอบรับเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย (เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 20 ต.ค.) และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวซึ่งจะเปิดให้ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. เป็นต้นไป
ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนต่อเนื่อง โดยกลับมายืนเหนือแนว 1,300 จุดได้อีกครั้งช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ นำโดยหุ้นกลุ่มแบงก์ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ออกมาดีกว่าคาด กลุ่มเทคโนโลยีจากการคาดการณ์เรื่องผลประกอบการไตรมาส 3/2568 รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้น นอกจากนี้รายงานข่าวเกี่ยวกับการเปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ช่วยหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 9 เดือนที่ระดับ 1,319.76 จุดในช่วงท้ายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,313.91 จุด เพิ่มขึ้น 3.08% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 39,098.28 ล้านบาท ลดลง 1.61% ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.50% มาปิดที่ระดับ 231.86 จุด
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทสัปดาห์ระหว่างวันที่ 27-31 ต.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ตามตามทิศทางการอ่อนค่าของเงินเยน หลังตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมปลายเดือนต.ค. นี้ หากพรรค LDP สามารถบรรลุข้อตกลงกับพรรค Innovation Party และเปิดทางให้นาง Sanae Takaichi ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนในช่วงที่ตลาดรอประเมินผลจากการหารือระหว่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เกี่ยวกับผลกระทบจากทิศทางค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าทดสอบระดับ 32.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรในตลาดทองคำโลก หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ สอดคล้องกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย
ในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 ต.ค.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 20-24 ต.ค. 2568 นั้นซื้อสุทธิหุ้นไทย 7,777 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 6,584 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 10,589 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 4,005 ล้านบาท)
