“ทิศชวน” ถือหุ้นใหญ่ POLAR และพันธมิตร เฮ!!! หลังศาล “ยกฟ้อง” ลุ้นอีกเฮือกเดินหน้าจดทะเบียนตั้งกก.ใหม่ 5 คน กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
นายทิศชวน นานาวราทร ผู้ถือหุ้นใหญ่ 20 % ของบริษัท โพลาริส แคปปิตัล ( POLAR ) เปิดเผย www.hoonsmart.com ว่า วันที่ 14 ธันวาคม 2561 ศาลมีคำสั่งให้ “ยกฟ้อง” ตามที่มีกลุ่มบุคคล 5 ราย คัดค้านกาารจดทะเบียนตั้งกรรมการใหม่ ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 / 2561 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2561 ซึ่งศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามไม่ให้ผู้เรียกประชุม ไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชน และห้ามนายทะเบียนบริษัทมหาชนจดทะเบียน ฯ จนกว่าศาลจะมีคาํสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
นายทิศชวน กล่าวว่า ผลจากคำสั่งศาลให้ “ยกฟ้อง” ดังกล่าว ทำให้นายทิศชวน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่เรียกประชุมวิสามัญตามมาตรา 100 จะดำเนินการจดทะเบียนกรรมการใหม่ต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
สำหรับกรรมการใหม่ 5 คน ประกอบด้วย นายทิศชวน นานาวราทร , นางอรษา ธีระกุล , นายอนุวิทย์ ตันติเสเวกุล , นายธีธัช ธีระกุล และ นายการชยุต ตันติเสเวกุล
นายทิศชวน กล่าวว่า ผู้ฟ้องมีสิทธิอุทรณ์ และยื่นคัดค้านต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนได้ แต่กลุ่มผู้ถือหุ้นที่เรียกประชุมตามม. 100 มั่นใจว่าขั้นตอนต่าง ๆ ของการเรียกประชุม มีการปรึกษากับกรมบังคับคดี , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต) , ตลาดหลักทรัพย์ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย )
” ผู้ถือหุ้นได้ปรึกษาหารือกับ 4 หน่วยงาน และตลาดหลักทรัพย์ ก็ได้อำนวยความสะดวก เช่น TSD เป็นหน่วยงานที่ส่งวาระการประชุมให้กับผู้ถือหุ้น ผู้เรียกประชุมได้โค๊ดจากตลาดหลักทรัพย์ถูกต้องในการแจ้งข่าวสารผ่านตลาด ไม่มีเหตุผลใดที่กรมพัฒนา จะไม่รับจดทะเบียนกรรมการใหม่ ตามการใช้ม. 100 แห่งพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานให้กับ IFEC ด้วย”
นายทิศชวน กล่าวอีกว่า กรรมการใหม่ 5 คน ไม่มีอำนาจใด ๆ เนื่องจากยังอยู่ในการคุ้มครองของกรมบังคับคดี กรณีจดทะเบียนกรรมการได้แล้ว หน้าที่ของกรรมการจะหาผู้สอบบัญชี เพื่อจัดทำงบการเงินให้พ้นเกณฑ์การเพิกถอนของตลาดหลักทรัพย์ ตั้งเป้า 2 ปีหุ้นจะกลับมาซื้อขายอีกครั้ง ซึ่ง POLAR ไม่ได้มีสถานะล้มละลาย เนื่องจากบริษัท ยูไนเต็ด เทรดดิ้ง ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ไม่ขอรับการชำระหนี้จำนวน 2,772 ล้านบาท จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์