HoonSmart.com>>ก.ล.ต.ปรับเกณฑ์เพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ ลดความเสี่ยงในตลาด ปรับลดเพดานปล่อยกู้มาร์จิ้นโลนเหลือ 4 เท่าของส่วนผู้ถือหุ้น จากเดิม 5 เท่า ปรับเกณฑ์ให้บล.รับคำสั่งขายชอร์ตให้ลูกค้า พร้อมหนุน “ซิเคียวริตี้บูโร” ธุรกิจหลักทรัพย์ เตรียมทดสอบระบบเดือนพ.ย.นี้ คาดเปิดใช้ไตรมาส 1/69

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการและโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยในงาน “Media Briefing ก.ล.ต. พบสื่อมวลชน เดือนต.ค.68” ว่า ก.ล.ต.ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (margin loan) ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เพื่อให้มีการกำกับดูแลการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์อย่างเหมาะสมและลดความเเสี่ยงต่อบริษัทหลักทรัพย์ ก.ล.ต.จึงปรับลดเพดานการปล่อยกู้ margin loan ลงจากเดิมกำหนดไม่เกิน 5 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น ให้เหลือไม่เกิน 4 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้ ก.ล.ต.สนับสนุนให้มี Securities Data Exchange Platform (ระบบ SDEP) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ทำหน้าที่คล้าย “เครดิตบูโร” สำหรับโบรกเกอร์ หรือ ซิเคียวริตี้บูโร เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจมีช่องทางสำหรับนำส่งข้อมูลวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยให้โบรกเกอร์สามารถบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและรัดกุมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เป็นมาตรการป้องกันภายหลังเกิดกรณีของบริษัท มอร์ รีเทิร์น (MORE) โดยจะมีการทดสอบระบบ SDEP ภายในเดือน พ.ย.นี้ และคาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ภายในไตรมาส 1 ปี 2569
สำหรับภาพรวมของสินเชื่อในตลาดหลักทรัพย์ ณ เดือนก.ย.2568 โบรกเกอร์ทั้งอุตสาหกรรมมียอด margin loan อยู่ที่ 4.87 หมื่นล้านบาท ในขณะที่มีการวางหลักประกันรวมสูงถึง 174,403 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามูลค่าของหลักประกันยังคงสูงกว่ามูลหนี้รวมถึง 3.58 เท่า
นอกจากนี้ก.ล.ต.ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้บล. รับคำสั่งขายชอร์ตของลูกค้าที่ยืนยันการจัดหาแหล่งยืมหุ้น (locate) เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดย บล.จะรับคำสั่งขายชอร์ตจากลูกค้าที่ขอยืนยันการ locate จาก บล.ได้เฉพาะเมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ก.ล.ต.ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายหลักทรัพย์และลดความเสี่ยงในตลาด โดยยังคงติดตามและประเมินผลมาตรการดูแล Short Selling และ Program Trading ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ (16 เม.ย.68) รวมถึงอยู่ระหว่างปรับปรุงกฎหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและการกำกับดูแลการขายชอร์ต โดยให้ผู้ลงทุนที่ไม่ส่งคำสั่งขายชอร์ตตามเกณฑ์ที่กำหนดมีความรับผิดตามกฎหมาย รวมทั้งเพิ่มกลไกให้สามารถติดตามผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (End-Beneficial Owner) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจบัญชีแบบไม่เปิดเผยชื่อ (Omnibus Account)
ส่วนการเสนอแก้กฎหมายกำหนดหน้าที่ให้ผู้บริหารและกรรมการบริษัทจดทะเบียนรายงานการก่อภาระผูกพันในหลักทรัพย์ (Share Pledging) ในจำนวนที่มีนัยสำคัญ เช่น การนำหุ้นไปวางเป็นหลักประกันจำนำ หรือโอนหุ้นให้ custodian ถือแทน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่สำคัญ ครบถ้วน และเพียงพอเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการออกกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะเห็นภายในปี 2569
ก.ล.ต.ได้กำหนด 6 มาตรฐานองค์ความรู้กรรมการไทย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อส่งเสริมให้กรรมการบริษัทจดทะเบียนมีความรู้ เข้าใจบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ รวมถึงมีการพัฒนาวิชาชีพผู้ตรวจสอบภายใน (IA) การยกระดับการกำกับดูแลและการปฏิบัติงานของที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) รวมถึงการเสนอแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต. กำกับดูแลผู้ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุน (gatekeeper) เช่น ผู้สอบบัญชี สำนักงานสอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน และบริษัทจัดอันดับเครดิต ซึ่งอยู่ในกระบวนการแก้ไขกฎหมาย
สำหรับความคืบในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายนั้น การเสนอแก้ไขกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. เป็นพนักงานสอบสวนในคดีที่มีผลกระทบสูง (high impact) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการร่วมสอบสวนคดี โดยใช้ความเชี่ยวชาญมาช่วยให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายในกรณี high impact รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งจะเพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมาย โดยประสานความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินการ (SupTech) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเชื่อมั่น โปร่งใสเป็นธรรมให้กับตลาดทุน โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มความรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ ในการตรวจจับ การกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย ด้วยข้อมูล AI และเทคโนโลยี
