HoonSmart.com>>10 ธนาคารพาณิชย์ ไม่รวมธนาคารกรุงไทย อวดกำไรสูงเหนือความคาดหมาย ไตรมาส 3/68 โกยทั้งสิ้น 59,090.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,079.62 ล้านบาท หรือ 9.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลายแห่งโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2 เพราะมีรายได้จากค่าธรรมเนียม พอร์ตลงทุนเพิ่มขึ้น ตั้งสำรองหนี้ไม่มาก โดยธนาคารกรุงเทพ(BBL) สามารถทำกำไรสุทธิได้สูงที่สุด 13,789.48 ล้านบาท เติบโต 10.52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนกำไรรวม 9 เดือนปี 2568 ระบบธนาคารมีกำไรทั้งสิ้น 170,764.88 ล้านบาท เติบโต 6.79% โดยธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ทำกำไรได้สูงที่สุด 39,286.83 ล้านบาท แซงหน้าธนาคารกรุงเทพที่ทำได้ จำนวน 38,247.13 ล้านบาท หรือมากกว่า 1,039.70 ล้านบาท คิดเป็น 2.72%
BBL แจงที่มาของกำไร 9 เดือน
ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิ 9 เดือน จำนวน 38,247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการบริหารจัดการสินทรัพย์ ด้วยการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ที่หลากหลาย ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายด้าน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 94,364 ล้านบาท และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.81% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย
สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงเล็กน้อยจากบริการธุรกรรมผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม
ธนาคารยังคงพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงเป็น 44.7% นอกจากนี้ จากการที่ธนาคารตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง ธนาคารจึงตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 ลดลงจากไตรมาสก่อน รวมสำหรับ 9 เดือนจำนวน 29,549 ล้านบาท
โดยยังคงแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ณ สิ้นเดือนก.ย. 2568 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ 2,606,661 ล้านบาท ลดลง 3.2% จากสิ้นปีก่อน โดยสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ยังคงมีการเติบโต สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.3% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 294.2% เป็นผลจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง
KBANK โชว์รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 42,709 ลบ.โต 13.80%
ทางด้านธนาคารกสิกรไทย ไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 13,007.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.16%จากไตรมาส 2 และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 12,295.33 ล้านบาท รวม 9 เดือน กำไรทั้งสิ้น 39,287 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 15,088 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.80% เป็น 104,239 ล้านบาท รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 8.20% เป็น 15,088 ล้านบาท
KBANK ตั้งสำรอง 10,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.29% จากไตรมาส 2 ที่ 10,050 ล้านบาท แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 11,652 ล้านบาท รวม 9 เดือนปีนี้ ตั้งสำรอง ลดลฝง 14.17% เป็น 30,047 ล้านบาท
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือน ธนาคารฯมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 85,127 ล้านบาท ลดลง 2,456 ล้านบาท หรือ 2.80% เป็นผลจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 104,239 ล้านบาท ลดลงจำนวน 7,768 ล้านบาท หรือ 6.94% ตามภาวะอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น และการลดลงของเงินให้สินเชื่อ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) ลดลงอยู่ที่ระดับ 3.31%
อย่างไรก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 42,709 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 5,178 ล้านบาท หรือ 13.80% หลัก ๆ จากค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เติบโต และกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และ 3) รายได้จากการลงทุนในภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย
ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เปิดกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 5,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.53% งวด 9 เดือนกำไรสุทธิ 15,399 ล้านบาท คุณภาพสินทรัพย์มีเสถียรภาพ แนวโน้มหนี้เสียทรงตัว ด้านอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงที่ 151% เน้นบริหารจัดการต้นทุน รักษาความสามารถทำกำไร พร้อมย้ำพันธกิจหลักการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นแลช่วยเหลือลูกค้าแก้หนี้อย่างยั่งยืน
หุ้นแบงก์ขึ้นยกแผง
ภาพรวมผลกำไรของธนาคารทั้งระบบสูงเกินกว่าที่ตลาดและนักวิเคราะห์คาดการณ์ สนับสนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงนี้ โดยเฉพาะวันนี้ 21 ต.ค. นำโดย KBANK ปิดที่ 177.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท คิดเป็น 2.60% มีผลผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,290.72
เพิ่มขึ้น 6.25 จุด หรือ+0.49% มูลค่าการซื้อขายหนาตาขึ้นจากวันก่อน 34,370.82 ล้านบาท
บล.กรุงศรีฯเพิ่มเป้า KBANK
นักวิเคราห์มองตรงกันกำไรของธนาคารหลายแห่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยบล.กรุงศรีอยุธยามองธนาคารกสิกรไทยดีกว่าที่คาดและตลาดคาด รวม 9 เดือนกำไรคิดเป็น 82% ของกำไรสุทธิทั้งปีคาดไว้ที่ 47,700 ล้านบาท ลดลง -2% จากปีก่อน ส่วนไตรมาส 4 คาดกำไรลดลงจากไตรมาส 3 แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน จึงจะทบทวนประมาณการ คำแนะนำ และราคาเป้าหมายอีกครั้งหลังจากประชุมนักวิเคราะห์ เช้าวันนี้
” ผู้บริหารธนาคารกสิกรไทยให้กลยุทธ์ยังคงเน้นคุณภาพลูกหนี้เป็นหลัก และระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ 2. NIMลดลง หลักๆมาจากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลง คาดมีแนวโน้มปรับลงต่อ จากดอกเบี้ยนโยบายปีนี้มองที่ 1.25% ลงอีก 1 ครั้ง 3. คุณภาพสินทรัพย์ ค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) มีแนวโน้มมากกว่าเป้า 4. การบริหารเงินทุน คงมอง CET1 มากกว่า 15% และจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% “บล.กรุงศรีระบุ
ส่วน SCB กำไรสูงกว่าที่คาด 14% และตลาดคาด 11% รายได้ค่าธรรมเนีนม ประเมินว่าคุณภาพสินทรัพย์ฟื้นตัวดีขึ้นQoQ ในไตรมาสนี้ คาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4 จะอ่อนตัวลง YoY และ QoQ กดดันจากแนวโน้ม NIM อ่อนตัวลง แต่ประเมินว่า SCB น่าจะยังสามารถจ่ายปันผลในระดับสูงที่ราว 8% จึงยังแนะนำ “ถือ” เพื่อรับเงินปันผล
บล.บัวหลวงแนะขายกสิกรฯ
บล.บัวหลวงยังคงแนะนำขายหุ้น KBANK หลังธนาคารกสิกรไทยปรับเป้าหมาย GDP ปีนี้ขึ้นเป็น1.8% YoY (เดิมคาดไว้ที่ 1.5% YoY) โดยภาพรวมคุณภาพสินทรัพย์ยังบริหารจัดการได้ แต่ยังระวังในการปล่อยสินเชื่อคล้ายกับธนาคารอื่น ทำให้แนวโน้มสินเชื่อปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมาย
ประเมินว่า กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในเดือนธ.ค.นี้ และจะปรับลงอีก 1-2 ครั้ง (0.25-0.5%) ซึ่งจะกดดัน NIM ต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารจะเน้นการเติบโตจากรายได้ค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะกลุ่มบริหารความมั่งคั่ง และบริหารสินทรัพย์ที่น่าจะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4
