HoonSmart.com>>ครม.เคาะมาตรการ “เที่ยวดีมีคืน” ชวนเที่ยวไทย หักค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษี บุคคลธรรมดา 2 หมื่นบาท และนิติบุคคล ดีเดย์ 29 ต.ค.-15 ธ.ค.นี้ งัดเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายไม่ให้ตกท้องช้าง หวังโต 1% หนุนหุ้นท่องเที่ยว นำโดยธุรกิจการบิน-โรงแรม AAV ได้สองเด้ง ปรับโครงสร้างธุรกิจ บริษัทแม่ Capital A ที่ AirAsia X (AAX) อยู่ระหว่างเข้าซื้อกิจการ “การบินไทย”ย้ำ เสนอชื่อกรรมการใหม่เข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นปลายปีนี้ ทำตามเกณฑ์

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันที่ 21 ต.ค. 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงการเร่งใช้จ่ายภาครัฐ ด้วยการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ในเสาหลักที่ 1 ของ “Quick Big Win” ทั้งหมด 5 เสาหลักของนโยบายรัฐบาล
“มาตรการนี้จะช่วยให้คนไทยหันกลับมาเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2568 ต่อเนื่องถึงปี 2569 โดยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเมืองรอง รวมทั้งการจูงใจให้ภาคเอกชนปรับปรุงโรงแรมที่พัก และแหล่งท่องเที่ยว ผ่านกลไภภาษี ที่ครอบคลุมทั้งมาตรการที่ให้กับบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล โดยมุ่งเน้นให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ส่งผลกระทบเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการในระยะยาว และเกิดการกระจายตัวอย่างทั่วถึง” นายลวรณกล่าว
มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ประกอบด้วย 5 มาตรการย่อย ดังนี้
1. มาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว
ให้บุคคลธรรมดา นำค่าที่พักในโรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย หรือค่าที่พักในสถานที่พัก (ที่ไม่เป็นโรงแรม) และค่าบริการของร้านอาหาร ที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-15 ธ.ค. 2568 ในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ สามาถนำมาหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายจำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง ดังนี้
1.1 ค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหาร ที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ที่อยู่ในรูปแบบกระดาษหรือในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ไม่เกิน 10,000 บาท
1.2 ค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหาร ที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เท่านั้น เพิ่มจากข้อ 1.1 ได้อีกจำนวนไม่เกิน 10,000 บาท
สำหรับการท่องเที่ยวเมืองรอง ประกอบด้วยจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด และพื้นที่บางอำเภอในจังหวัด 15 จังหวัด (ตามเอกสารแนบ) สามารถหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายตามข้อ 1.1 และ/หรือข้อ 1.2 ได้ 1.5 เท่า ของจำนวนที่จ่ายจริง (ลดหย่อนได้สูงสุด 30,000 บาท)
2. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนนิติบุคคลในการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ได้จ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการอบรมสัมมนาภายในประเทศที่จัดให้แก่ลูกจ้าง และค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-15 ธ.ค. 2568 โดยจ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เว้นแต่ค่าขนส่งจะจ่ายให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ แต่ต้องได้ใบรับที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) สามารถหักรายจ่ายดังกล่าวได้ดังนี้
(1) หักรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง (ตามเอกสารแนบ)
(2) หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในท้องที่อื่นนอกจากท้องที่ตามข้อ (1)
(3) ในกรณีที่การจัดอบรมสัมมนาครั้งหนึ่ง ๆ เกิดขึ้นในท้องที่ตามข้อ (1) และข้อ (2) ต่อเนื่องกัน ให้หักรายจ่ายที่สามารถแยกได้โดยชัดแจ้งว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดตามข้อ (1) หรือข้อ (2) แล้วแต่กรณี และให้หักรายจ่ายที่ไม่สามารถแยกได้โดยชัดแจ้งว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดได้ 1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
3. มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนาประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 (front Load)
ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เร่งรัดการเบิกค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนาประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในส่วนของการพัฒนาบุคลากรของหน่วยงาน ไม่น้อยกว่า 60% ของวงเงินฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2569 โดยให้พิจารณาดำเนินการในเมืองท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองเป็นลำดับแรก
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้การขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าว เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการปฏิบัติราชการ (KPI) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ (เฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินงานตามปีงบประมาณ) และ อปท. โดยขอความร่วมมือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ประสาน อปท. พิจารณาจัดการอบรมสัมมนาในท้องถิ่นอื่น และให้รายงานผลการเบิกจ่ายดังกล่าว ต่อคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐต่อไป พร้อมทั้งกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง จะพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของอัตราค่าเช่าที่พักและค่าอาหาร สำหรับการจัดฝึกอบรมในประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
4. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก
ให้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการโรงแรม สามารถหักรายจ่ายการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ (โดยไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม) 2 เท่า ของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.2568 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2569 สำหรับทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ ประกอบด้วย
(1) อาคารถาวร ที่มีไว้ใช้ในการประกอบกิจการโรงแรม
(2) เครื่องตกแต่ง หรือเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นส่วนประกอบ และยึดติดกับอาคารเป็นการถาวร
โดยให้หักรายจ่ายเท่าแรก เป็นค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามปกติ และทยอยหักรายจ่ายเท่าที่ 2 เป็นระยะเวลา 20 รอบระยะเวลาบัญชีในจำนวนที่เท่ากันทุกปี โดยเริ่มตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้เริ่มหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน
ทั้งนี้ รัฐบาลได้เตรียมแหล่งเงินสำหรับรองรับการปรับปรุงโรงแรมที่พัก โดยธนาคารออมสิน ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
5. มาตรการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ
ขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีตามมูลค่า จาก 10% เป็น 5% ออกไปอีก 1 ปี โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1ม.ค.-31 ธ.ค. 2569 สำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภทที่ 17.01 อาทิ ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์ ค็อกเทลเลาจน์ เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิต ได้มีการบูรณาการร่วมมือกรมการปกครอง ให้นำผู้ประกอบการมาจดทะเบียนสถานประกอบการ เพื่อขยายฐานภาษีสรรพสามิตต่อไป
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ทั้ง 5 มาตรการย่อยนี้ หวังว่าจะมาช่วยเติมเต็มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งแม้จะเป็นเม็ดเงินที่ลงไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่มากนัก เพราะเป็นเงินเดิม ไม่ใช่เงินใหม่ เช่น กรณี front Load ที่โยกเข้ามาให้ใช้จ่ายได้เร็วขึ้น รวมแล้วประมาณ 13,000 ล้านบาท แต่สิ่งที่สำคัญคือ จะช่วยสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงปลายปีให้กลับมาคึกคักมากขึ้น
“หวังว่า 5 มาตรการย่อยนี้ จะมาช่วยเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ไม่ให้ตกท้องช้าง ที่สำคัญที่สุดคืออยากเห็นบรรยากาศของการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก และต่อยอดกิจกรรมอื่น ๆ รวมทั้งเพิ่มการใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้มากยิ่งขึ้น”
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงการเร่งใช้จ่ายภาครัฐด้วยการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 0.04% ในช่วงไตรมาส 4/2568 ไม่รวมที่ ครม.อนุมัติไปก่อนหน้านี้ คือ การเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการคนละครึ่ง พลัส คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจราว 1.1 แสนล้านบาท หรือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นอีก 0.4% ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมดแล้ว คาดว่าจะช่วยเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกราว 0.44-0.45% เมื่อรวมเบ็ดเสร็จแล้ว ไตรมาส 4 ปีนี้ GDP จะขยายตัวได้ราว 1%
ทางด้านการซื้อขายหุ้นการบินโดดเด่น นำโดย AAV ราคาดีดตัวขึ้นสูงสุด 1.34 บาท ก่อนปิดที่ 1.29 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 8.40% THAI ปรับตัวขึ้นสูงสุดแตะ 10.20 บาท ปิดที่ 9.70 บาท บวก 0.05 บาทหรือ +0.52% ส่วนหุ้นโรงแรม เช่น SHR ปิดที่ 1.54 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาทหรือ +4.05%
ทางด้านบริษัทการบินไทย ยังคงยืนยันการเสนอรายชื่อกรรมการคนใหม่ เพื่อทดแทนกรรมการที่ครบวาระ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประมาณปลายปี 2568 เป็นการปฎิบัติตามกฎเกณฑ์
ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาและสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสม เพื่อเสนอชื่อบุคคลดังกล่าวต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจเป็นกรณีการเลือกตั้งกรรมการซึ่งครบวาระกลับเข้าดำรงตำแหน่งอีกวาระหนึ่งหรืออาจเป็นการเลือกตั้งบุคคลอื่นเพื่อเข้าเป็นกรรมการเข้าใหม่แทนที่กรรมการที่ครบวาระก็ได้
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่ากลุ่มท่องเที่ยวปรับขึ้น หนุนจากครม.อนุมัติมาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว โดย AAV ขึ้นเด่นจากแรงเก็งกำไร การปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทแม่ Capital A ที่ AirAsia X (AAX) อยู่ระหว่างเข้าซื้อกิจการ ขณะที่ SHR ได้แรงหนุนจากแนวโน้มงบไตรมาสที่ 3/2568 แข็งแกร่งสุดในกลุ่มโรงแรม จากพอร์ตภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนน้อย
