ก.ล.ต. เปิดรับฟังความเห็น ผ่อนปรนเกณฑ์เสนอขายโทเคนดิจิทัลให้รองรับ pre-ICO และ private sale ลดอุปสรรคระดมทุนในวงจำกัด
พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กำหนดให้การออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลต้องได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และต้องเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลทุกกรณี แม้จะเป็นการเสนอขายในวงจำกัด เช่น ในขั้นตอน pre-ICO และ private sale ซึ่งหากนำเกณฑ์ปกติที่มีอยู่มาใช้ก็จะเป็นอุปสรรคในทางปฏิบัติ ก.ล.ต. จึงมีแนวคิดที่จะผ่อนปรนกฎเกณฑ์บางประการสำหรับการเสนอขายในวงจำกัดต่อกลุ่มผู้เกี่ยวข้องหรือผู้ลงทุนที่สามารถดูแลตนเองได้ โดยมีแนวจะอนุญาตการเสนอขายดังกล่าวเป็นการทั่วไป รวมทั้งยกเว้นหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน ตลอดจนลดภาระหน้าที่สำหรับผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลลง
เนื่องจากช่วง pre-ICO และ private sale โครงการยังมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง รวมทั้งข้อมูลที่เปิดเผยต่อผู้ลงทุนจะจำกัดมาก ก.ล.ต. จึงมีแนวจะผ่อนปรนเกณฑ์ให้เฉพาะกรณีการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่มีการจำกัดจำนวนผู้ลงทุน วงเงินระดมทุน หรือประเภทผู้ลงทุน ซึ่งได้แก่การเสนอขายต่อ (1) ผู้ก่อตั้งหรือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับกิจการ จำนวนไม่เกิน 50 ราย ในระยะเวลา 12 เดือน หรือ (2) บุคคลใด ๆ ในวงเงินรวมไม่เกิน 20 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 12 เดือน หรือ (3) เฉพาะต่อผู้ลงทุนสถาบัน นิติบุคคลร่วมลงทุน กิจการเงินร่วมลงทุน หรือผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ
นอกจากนี้ เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้ลงทุนอื่น ๆ ในช่วง public ICO ซึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทุนได้ ก.ล.ต. มีแนวจะกำหนดให้ต้องกระจายโทเคนดิจิทัลให้ผู้ลงทุนทุกกลุ่มพร้อมกันภายหลังปิด public ICO และกรณีโทเคนดิจิทัลส่วนที่ได้รับส่วนลดหรือโบนัส จะถูกห้ามขาย (lock-up) เป็นระยะเวลา 6 เดือนนับจากวันแรกของการกระจายโทเคนดิจิทัล
นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า แนวทางที่เสนอเป็นความพยายามหาจุดที่สมดุลขึ้นในการกำกับดูแล ลดอุปสรรคในทางปฏิบัติจากกฎเกณฑ์ โดยยังคำนึงถึงการจัดการความเสี่ยงและการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุน เกณฑ์ที่เสนออาจยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ภาคธุรกิจสามารถเดินต่อได้ซึ่ง ก.ล.ต. พร้อมจะเรียนรู้ร่วมกับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลให้เหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป
ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th/hearing ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561