สถาบันฮ่องกงยังลดน้ำหนักหุ้นไทย จ้องหาหุ้นได้ดี มาตรการกระตุ้นศก.

HoonSmart.com>>บล.ซีจีเอสฯ เผยผลโรดโชว์ฮ่องกง นักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ยังคง Underweight หุ้นไทย   แต่ชอบการเมืองมีความแน่นอนขึ้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กำลังมองหาหุ้นที่ได้ประโยชน์  เชียร์ CPN  , CENTEL , KTC , MTC, MOSHI,BJC,BDMS  คงเป้าดัชนี SET สิ้นปีที่ 1,155 จุด  ด้านหุ้นวันนี้ปิดบวก 9.86 จุด แต่วอลุ่มบางแค่ 26,555.65 ล้านบาท ต่ำสุดอันดับ 7 ในรอบปีนี้  มีหุ้นปตท.เพียงตัวเดียวที่เทรดมากกว่า 1,000 ล้านบาท 

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า เมื่อวันที่ 15-17 ต.ค.2568 ได้เดินทางไปพบกับลูกค้านักลงทุนสถาบันในฮ่องกง เพื่ออัพเดทสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทย โดยนักลงทุนกลุ่มนี้ยังระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และส่วนใหญ่ยัง Underweight หุ้นไทย

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนฮ่องกงเชื่อว่าการเมืองไทยจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงสองสามเดือนข้างหน้า โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศจะยุบสภาภายในเดือนม.ค.2569 ฝ่ายวิเคราะห์ฯจึงเชื่อว่าไทยจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 29 มี.ค.2569 และรัฐบาลใหม่น่าจะเริ่มทำงานช่วงปลายเดือนพ.ค.2569 ซึ่งในขณะนี้ยังไม่แน่นอนว่าใครจะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่หลังการเลือกตั้ง

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า ลูกค้าสถาบันในฮ่องกงกำลังมองหาโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่เชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่ง, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการที่รัฐอาจนำมาใช้กระตุ้นการใช้จ่ายช่วงเทศกาลในเดือนธ.ค.2568

ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯเชื่อว่า บริษัทเหล่านี้น่าจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลักจากมาตรการของรัฐ ซึ่งได้แก่ CPN แนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 74.50 บาท, CENTEL แนะนำถือ ที่ราคาเป้าหมาย 31.0 บาท, ERW แนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท, KTC แนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 31.0 บาท, MTC แนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 54.0 บาท และ MOSHI แนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 47.75 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.25% ในการประชุมวันที่ 17 ธ.ค.68 และอาจปรับลดอีกสองครั้งเป็น 0.75% ภายในปี 2569 ซึ่งน่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยได้ โดยเชื่อว่าผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคอย่างเช่น MTC และ KTC จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการปรับลดดอกเบี้ย แต่ธนาคารน่าจะยังมีมาร์จินลดลง ขณะเดียวกันมองว่าผู้ค้าปลีกอย่าง BJC แนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 22.0 บาท และ CPN จะได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีสำหรับค่าซื้อสินค้า ส่วนในระยะยาว เชื่อว่ากลุ่มการแพทย์ยังมีมูลค่าน่าสนใจ โดย Top pick ในกลุ่มการแพทย์ได้แก่ BDMS แนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 28.50 บาท และ PR9 แนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ อาจช่วยกระตุ้นการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย แต่เชื่อว่าปัจจัยบวกดังกล่าวน่าจะสะท้อนในราคาหุ้นแล้ว ดังนั้น การเลือกหุ้นลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้พอร์ต outperform ขณะเดียวกันมองว่า downside risk จะมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจเพิ่มขึ้น หากพรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจและ/หรือยื่นคำร้องต่อศาล รวมทั้งหากเกิดเหตุปะทะระหว่างไทยและกัมพูชาขึ้นอีก ดังนั้น จึงคาดดัชนี SET สิ้นปี 2568 อยู่ที่ 1,155 จุด ซึ่งจะเท่ากับ P/E 13.2 เท่าในปี 69 หรือ -1SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี

ด้านตลาดหุ้นไทย วันที่ 20 ค.ค.นี้   ดัชนีปิดที่ 1,284.47 จุด เพิ่มขึ้น 9.86 จุดหรือ +0.77% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26,555.65 ล้านบาท นับว่าต่ำที่สุดอันดับที่ 7 ในรอบปี 2568 ยกเว้นวันที่ 28 มี.ค. ที่มีมูลค่าเพียง 17,321.58 ล้านบาท ตลาดสั่งหยุดซื้อขายภาคบ่าย  เนื่องจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวกทม.  โดยมีหุ้นตปท.(PTT) เพียงตัวเดียวที่มีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท คือจำนวน  1,360.22 ล้านบาท

ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 73 ล้านบาท และซื้อ TFEX 19,759 สัญญา โบรกเกอร์ซื้อหุ้นด้วย  1,035 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขาย 982 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามภูมิภาค หุ้นญี่ปุ่น ดัชนีนิกเกอิ พุ่งสร้างสถิติสูงสุดใหม่ รับข่าวรัฐบาลตั้งรัฐบาลผสมใหม่  และเศรษฐกิจจีนไตรมาส 3  เติบโต 4.8% มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์  สร้างความเชื่อมั่นให้กับเอเชีย ส่งผลให้เกิดแรงซื้อหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะ China Play   กลุ่มปิโตรเคมี

อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นวียดนามดิ่งลงแรง VN Index ทรุดหนักเกือบ 95 จุดหรือ -5.47%  ทำสถิตหนึ่งวันร่วงแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากผลการตรวจสอบการออกหุ้นกู้เอกชนของ 67 ผู้ออก (รวม 5 ธนาคาร) พบการละเมิดในบางกรณี  เช่น การใช้เงินไม่ตรงวัตถุประสงค์  การเปิดเผยข้อมูลล่าช้า