HoonSmart.com>>บล.ดาโอ คาดแนวโน้มหุ้นกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน ที่ปะทุขึ้น รอดูท่าทีหลังทรัมป์ส่งสัญญาณประนีประนอม ,ติดตามรายงานกำไรหุ้นธนาคารเริ่มในสัปดาห์นี้ ประเมินกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1,270 – 1,300 จุด ส่วนแนวโน้มวันนี้คาดดัชนีแกว่งตัวผันผวน กลยุทธ์หลัก “ชะลอการลงทุน” สินทรัพย์เด่นจากสงครามการค้า “หุ้นกลุ่มปันผล-ทอง” หุ้นแนะนำ KKP, BGRIM สัญญาณเทคนิคหนุน
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ คาดทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ จะถูกกดดันจากปัจจัยลบภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ปะทุขึ้น คาดว่าจะส่งผลกระทบถึงตลาดหุ้นเอเชียและไทย โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกและโภคภัณฑ์ แต่คงต้องรอดูท่าทีของทั้งสองฝ่ายหลังสหรัฐฯพยายามลดแรงกดดันลงในช่วงวันที่ผ่านมา ปัจจัยในประเทศ ยังมีแรงฉุดจากหุ้น DELTA ที่อาจปรับตัวลงต่อ การรายงานกำไรหุ้นธนาคาร(ไทย+สหรัฐฯ) ที่จะเริ่มในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ประเมินกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ ไว้ที่ 1270-1300 จุด
สำหรับมุมมองทางเทคนิค คาดแนวโน้มดัชนีวันนี้แกว่งตัวผันผวน แนวรับ 1,275-1,281 จุด ส่วนแนวต้าน 1,290-1,295 จุด
ด้านผลประกอบการกลุ่มธนาคาร หุ้นกลุ่มธนาคารเตรียมรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 โดย TISCO จะเป็นรายแรกที่รายงานในวันที่ 14 ต.ค. นี้ ตามด้วย KKP ในวันที่ 20 ต.ค. และ BBL, KBANK, KTB, SCB, TTB ในวันที่ 21 ต.ค. DAOL ประเมินกำไรหุ้นธนาคาร 5 ตัวที่ทำประมาณการกำไร ไว้ที่ 5.6 หมื่นล้านบาท +2.2% yoy ; -0.6% qoq ด้านกำไรตลาด เราคาดไว้เบื้องต้น ที่ 2.46 แสนล้านบาท 5%yoy;-13%qoq
ปัจจัยต่างประเทศ สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเตรียมเก็บภาษีเพิ่มเติม 100% กับจีน … ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งหนักสุดใน 6 เดือน หุ้นเทคโนโลยี ได้รับผลกระทบหนักสุดจากความกังวลห่วงโซ่อุปทาน สินทรัพย์ปลอดภัย แร่เงินพุ่งสูงขึ้น 3.7% ใกล้ระดับ $50 ต่อออนซ์ และเกิดการแห่เข้าสู่ทองคำและ Treasuries ด้านคริปโตเคอร์เรนซีถูกเทขายอย่างรุนแรง คาดมีผลกระทบมาถึงตลาดหุ้นเอเซีย รวมถึงไทย โดยเฉพาะหุ้นส่งออกและ Commodity และล่าสุะข่าววานนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งสัญญาณประนีประนอมเพื่อลดความกังวลด้านการค้าลง
กลยุทธ์การลงทุนนอกจาก DELTA จะเป็นตัวตลาดหุ้น ความกังวลรอบใหม่ในเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน จะทำให้นักลงทุนตกใจ (เพราะไม่คาดว่าจะกลับมาได้อีก) หากยังไม่คลี่คลาย จะกดดันมาถึงตลาดหุ้นไทยที่จะเปิดทำการในวันนี้ด้วย (14 ต.ค.)
กลยุทธ์หลัก ปรับเป็นชะลอการลงทุน หลังตลาดอาจถูกกระทบจากสงครามการค้า แต่สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์ จะเป็นกลุ่มหุ้น High Dividend และราคาทองคำ
การนำแนวคิดของกระทรวงการคลังในเรื่อง TISA และการกระตุ้นการลงทุนของรัฐบาลมาใช้ จะเป็นบวกต่อหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) และหุ้นที่อิงกับการลงทุน ไม่จำกัดแค่โรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM, GUNKUL) แต่จะเป็นหุ้นหลักในกลุ่มอื่นๆ ที่ราคายังขึ้นมาไม่มาก เราชอบ 2 ตัว WHA , AOT
หุ้นเด่น: WHA, SISB, PTTEP, ADVANC
หุ้น Technical : KKP, BGRIM
