ตลาดหุ้นจีนนำเอเชียร่วงแรง วิตกสงครามการค้ากับสหรัฐฯรอบใหม่

HoonSmart.com>> “ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก” เช้านี้ปรับตัวลงทั้งภูมิภาค นำโดยตลาดหุ้นจีน วิตกสงครามการค้ารอบใหม่กับจีน หลังทรัมป์ขู่เก็บภาษีจีน 100% ตอบโต้จีนจำกัดแร่ธาตุหายาก ด้านจีนโต้กลับขึ้นค่าธรรมเนียมท่าเรือสำหรับเรืออเมริกัน

เมื่อวันศุกร์หลังจากที่ตลาดหุ้นเอเชียปิดการซื้อขายแล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ระบายความรู้สึกต่อจีนและผู้นำสีจิ้นผิง ผ่านโพสต์ยาวบนเว็บไซต์ Truth Social  โดยกล่าวหาว่าจีน “มีท่าทีเป็นศัตรูอย่างมาก” กับการจำกัดแร่ธาตุหายาก หรือ rare earth ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการป้องกันประเทศ และขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มอีก 100%

โพสต์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่จีนได้เพิ่มความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ขึ้น โดยเพิ่มค่าธรรมเนียมท่าเรือสำหรับเรืออเมริกัน และเปิดการสอบสวนเรื่องการผูกขาดบริษัท Qualcom อีกทั้งยังเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก และเมื่อเร็วๆ นี้ได้ระงับการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ

ด้วยเหตุนี้ ทรัมป์จึงกล่าวว่าเขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องพบกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในช่วงปลายเดือนนี้ที่การประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกในเกาหลีใต้อีกต่อไป

จีนประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า “เราไม่กลัว” สงครามการค้ากับสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะกำหนดมาตรการภาษีศุลกากรใหม่เพื่อตอบโต้สินค้านำเข้าจากจีน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า “ใช้สองมาตรฐาน”

Goldman Sachs ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การประกาศนโยบายล่าสุดอาจเป็นสัญญาณว่าจีนตั้งใจที่จะผลักดันให้สหรัฐฯ ให้ยอมอ่อนข้อมากขึ้น

อย่างไรก็ตามคณะบริหารของทรัมป์ก็ส่งสัญญาณเปิดกว้างในวันอาทิตย์ต่อข้อตกลงกับจีน โดยทรัมป์แย้มถึงความเป็นไปได้ที่สี จิ้นผิง จะยอมเจรจา ขณะเดียวกันก็ขู่ด้วยนัยยะแฝงว่าสงครามการค้าเต็มรูปแบบจะส่งผลกระทบต่อจีน

แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ต้องการกดดันจีนต่อไปให้ยกเลิกมาตรการทางการค้าล่าสุด ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างความมั่นใจให้กับตลาดที่ตื่นตระหนกว่าการตอบโต้กันอย่างรุนแรงนั้นไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แอนนา วู นักวางกลยุทธ์ข้ามสินทรัพย์ของ Van Eck Associates Corp. กล่าวว่า ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การย้อนเหตุการณ์ของเดือนเมษายน แต่เป็นเหมือนการต่อรองก่อนถึงเส้นตายการสงบศึกระหว่างสหรัฐฯ-จีนในเดือนพฤศจิกายนมากกว่า

ทั้งนี้ข้อจำกัดใหม่ที่ครอบคลุมของจีน บางส่วนจะยังไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถึงเดือนพฤศจิกายน แต่อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก รวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย

เช้าวันนี้เงินหยวนออฟชอร์แข็งค่าขึ้น 0.1% แตะที่ 7.1267 เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อัตรา ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปี ลดลงมาที่ 1.752%

ตลาดญี่ปุ่นปิดทำการในช่วงวันหยุด ณ เวลา 9.44 น. ตามเวลาประเทศไทย

  ดัชนี SSE ตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ 3,861.37 จุด              ลดลง 35.65   จุด,  -0.91%

  ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงอยู่ที่ 25,797.43 จุด.      ลดลง 492.89 จุด, -1.87%

  ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้อยู่ที่ 3,571.25 จุด ลดลง 39.35   จุด,  -1.09% 

  ดัชนี TAIEX  ตลาดหุ้นไต้หวันอยู่ที่  26,851.82 จุด ลดลง 450.1   จุด,  -1.65%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.72% ซื้อขายที่ 63.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์หรือ 1.8%  ซื้อขายที่ 59.96ดอลลาร์ต่อบาร์เรล