HoonSmart.com>>ไทยยูเนี่ยน โชว์แกร่งคงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ “A+” จากทริสเรทติ้ง ตอกย้ำศักยภาพทางการเงินและการบริหารสุดเข้มแข็ง
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป TU ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลชั้นนำระดับโลก ได้รับการประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ไว้ที่ระดับ “A+” ต่อเนื่อง พร้อมคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ซึ่งไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกกิจการ (Hybrid Debentures) ของบริษัทที่ระดับ “A-” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” เนื่องจากมีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งกระจายตัวอยู่ในหลายภูมิภาค ทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา และมีการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็ง กลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า อาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารสัตว์เศรษฐกิจ
โดยประเด็นสำคัญที่ทริสเรทติ้งนำมาใช้ในการกำหนดอันดับเครดิตของไทยยูเนี่ยนมาจากความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อัตราภาษีการค้า รวมถึงความผันผวนของราคาวัตถุดิบและความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และแม้ว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 จะมีรายได้จากการดำเนินงานลดลง และมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับแรงกดดันจากภาษีศุลกากรของประเทศสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราภาษีตอบโต้ที่ระดับ 19% สำหรับสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้นและอาจลดทอนอุปสงค์สินค้าในตลาดสหรัฐฯ แต่เนื่องจากอัตราภาษีดังกล่าวใกล้เคียงกับที่ประเทศผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่อื่น ๆ ต้องเผชิญ ทริสเรทติ้งจึงมองว่าบริษัทยังคงมีความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรม นอกจากนี้การมีเครือข่ายการผลิตระดับโลกที่กว้างขวางและมีมาตรการควบคุมต้นทุนที่ดีทำให้บรรเทาปัจจัยเสี่ยงลงได้บางส่วน และส่งผลให้บริษัทยังคงรักษาเสถียรภาพในการดำเนินงานและโอกาสในการเติบโตเอาไว้ได้
ด้านสภาพคล่องมีเพียงพอในระยะ 12 เดือนข้างหน้า และคาดว่าค่าใช้จ่ายตามแผนการลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 3,800 ล้านบาท ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่ภาระหนี้ของบริษัทฯ จะค่อย ๆ ปรับลดลง เป็นผลจากการดำเนินงานที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ตลอดจนความพยายามในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการปรับปรุงองค์กรตามแผนการปรับโครงสร้างของบริษัท ส่งผลให้มีขีดความสามารถทางการแข่งขันดีขึ้น
บริษัททริสเรทติ้ง ประมาณการณ์รายได้จากการดำเนินงานจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.28-1.31 แสนล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2568-2570
ด้วยสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ด้าน EBITDA Margin จะอยู่ที่ระดับประมาณ 8.2%-8.5% ในช่วงปี 2568-2570 ส่วนค่าใช้จ่ายลงทุนโดยรวมจะอยู่ที่ระดับ 3.8-4 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2568-2570
บริษัทจะไม่มีการควบรวมหรือซื้อกิจการที่มีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าบริษัทอาจจะดำเนินการเข้าซื้อกิจการขนาดเล็กเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ธุรกิจของบริษัทไทยยูเนี่ยน มีการกระจายตัวที่หลากหลายในเชิงภูมิศาสตร์ทั้งในด้านฐานการผลิตและตลาดช่วยลดทอนความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทลงไ
ด้บางส่วน โดยบริษัทมีฐานการผลิตที่กระจายตัวอยู่ใน 14 ประเทศซึ่งครอบคลุม 4 ทวีป
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการกระจายตัวของแหล่งรายได้ด้วยโดยรายได้จากทวีปอเมริกาเหนือซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 38% ของรายได้รวมในปี 2567 รองลงมาคือตลาดยุโรป (30%) ตามมาด้วยประเทศไทย (11%) ประเทศญี่ปุ่น (6%)และประเทศอื่น ๆ (15%) ความพยายามอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการกระจายตัวทางภูมิศาสตร์นั้นมีเป้าหมายเพื่อจะช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดจากอุปสรรคทางการค้า โรคระบาดต่าง ๆ ตลอดจนกฎระเบียบในอุตสาหกรรมการจับปลาทั่วโลก
