“คิงส์ฟอร์ด”คาดแนวต้าน 1,290-1,300 จุด แนะ DITTO-TEAMG-KCG

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มดัชนีได้แรงหนุน ทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง ต.ค. ด้านกนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยประชุม 8 ต.ค. ติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลวันนี้ แนวรับดัชนี 1,260 – 1,270 จุด แนวต้าน 1,290 – 1,300 จุด หุ้นเด่น DITTO, TEAMG เก็งกำไรรัฐบาลผลักดันจัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้มาตรฐานสากล ,KCG คาดกำไรปีนี้โต 10%

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,260 – 1,270 จุด แนวต้าน 1,290 – 1,300 จุด คาดดัชนีได้แรงหนุนจากการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง ต.ค. กอปร กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 8 ต.ค. แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีกอุปโภค CPALL,CPAXT,BJC,TNP,ICHI,COCOCO ไฟแนนท์ SAWAD,MTC,TIDLOR,KTC,TISCO คาดได้จะประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ เก็งกำไร TEAMG,COM7,ADVICE มีสัญญาณบวกทางเทคนิค

ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาล

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปิดวันศุกร์ DJIA +0.65%, S&P500 +0.59%, Nasdaq +0.44% นำโดยกลุ่มสาธารณูปโภค +1.59%, สินค้าฟุ่มเฟือย +1.45% ได้ปัจจัยหนุนข้อมูล US PCE ส.ค. +2.7% YoY เป็นไปตามคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้

สัปดาห์นี้วันพุธติดตาม ADP ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ก.ย., วันศุกร์ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ย.คาด 55,000 & ส.ค. 22,000 ราย

หุ้นเด่น DITTO (IAA Consensus 14.00 บาท), TEAMG* (IAA Consensus N.A.) มีประเด็นเก็งกำไรจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลอนุทินเรื่องผลักดันการจัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้มาตรฐานสากล โดย DITTO มีโครงการโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อใช้ประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต และมีแผนการระดมทุนโดยการออกโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงกับโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อนำคาร์บอนเครดิตออกจำหน่าย ขณะที่ TEAMG ได้รับใบอนุญาตจาก อบก. ให้เป็นผู้ทวนสอบและรับรองก๊าซเรือนกระจก

ส่วนในแง่ผลการดำเนินงาน 2H68 DITTO มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง YoY จากงาน DMS/BPO กรมที่ดิน และ Cybersecurity ที่ลงทุนต่อยอดใน GrowPro ส่วนงานรับเหมาวิศวกรรมมีงานใหม่โครงการปรับปรุง Aquarium ภูเก็ต รวม Backlog ณ สิน 2Q68 ที่ 4.2 พันล้านบาท นอกจากนี้การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก NETBAY เพิ่มขึ้นยังเป็นตัวหนุนผลประกอบการ สำหรับ TEAMG นั้นมี Backlog 5.3 ล้านบาท รองรับการเติบโต โดยมีงานใหม่ที่รับมาในช่วง 1H68 เช่น โครงการออกแบบสนามบิน โครงการตรวจวัดโครงสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงได้รับประโยชน์จากการปรับหลักเกณฑ์ราคากลางการจ้างที่ปรึกษาฉบับใหม่สำหรับงบประมาณปี 69 ที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 14%

หุ้น KCG (ซื้อ/ ราคาเป้าหมายBloomberg Consensus 11.00 บาท)กำไรสุทธิ 1H68 อยู่ที่ 221 ล้านบาท +33%YoY หนุนจากสินค้ากลุ่ม Dairy และกลุ่ม Food and Bakery Ingredient ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่าย ได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ด้านการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ไตรมาส3 อาจกดดันบ้างตามฤดูกาล แต่จะเข้าสู่ High Season ในไตรมาส4 และมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ

ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 446 ล้านบาท (+10%YoY) และ 517 ล้านบาท (+16%YoY)