“รัฐบาล-ตลาดทุน”เร่งตั้งทีมแก้กฏระเบียบ ปรับภาษี-ดึงนักลงทุน-ฟื้นเครดิตประเทศ

HoonSmart.com>>รัฐบาลจับมือตลาดทุนไทย เตรียมตั้งทีมทำงานแก้กฎระเบียบ ปลดล็อคศักยภาพผู้ประกอบการ ฟื้นความน่าเชื่อถือประเทศ ปรับภาษี ดึงนักลงทุน เพิ่มสภาพคล่องตลาดหุ้น วางรากฐานเศรษฐกิจยั่งยืน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับผู้บริหารสภาธุรกิจตลาดทุนไทยวันที่ 25 ก.ย.2568 ว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันมีความเข้าใจในบริบทของปัญหาเศรษฐกิจ และพร้อมเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการสานต่อนโยบายที่ดีจากรัฐบาลก่อนหน้า เช่น โครงการคนละครึ่ง ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนและสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายอนุทินระบุว่า รัฐบาลได้เตรียมแผนงาน และงบประมาณไว้เรียบร้อยแล้ว และจะไม่เลื่อนระยะเวลาของโครงการออกไป โดยเน้นการอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินกิจการได้อย่างคล่องตัว สร้างผลกำไรและมูลค่าเพิ่มจากการลงทุน

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ภาคเอกชนสะท้อนคือความไม่ต่อเนื่องของนโยบายจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รัฐบาลชุดนี้จึงมุ่งมั่นสร้างเสถียรภาพทางนโยบาย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและตลาดทุน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและต่อเนื่องในระยะยาว

ในด้านตลาดทุน ให้ความสำคัญกับข้อเสนอเร่งด่วนจากภาคธุรกิจ เช่น การกิโยตินกฏหมาย การสนับสนุนการขอยกเว้นภาษีเงินปันผลสำหรับการลงทุนระยะยาว ,การจัดตั้งกองทุนการออมระยะยาว เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดหุ้น แม้บางโครงการอาจไม่เห็นผลในช่วง 4 เดือนแรก แต่รัฐบาลจะวางกรอบให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน

สำหรับ การจัดการกับ “เงินสีเทา” ว่าเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลจะดำเนินการอย่างจริงจัง โดยมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการคลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปปง. ธนาคารแห่งประเทศไทย และ ก.ล.ต. เพื่อเฝ้าระวังทางการเงินและดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด หากพบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการยึดทันที

“ขอเตือนผู้ที่คิดจะฝากหรือนำเงินสีเทาเข้ามา ต้องระวังให้ดี เพราะยุคนี้รัฐบาลจะดำเนินการอย่างจริงจัง” นายอนุทินกล่าว
พร้อมย้ำว่าการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ จะเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยเป้าหมายร่วมกันคือการปกป้องระบบเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศ

ส่วนกรณีที่ ประเทศไทยถูกปรับลดเครดิต Outlook นายกรัฐมนตรีแสดงความมั่นใจว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเร่งฟื้นอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศได้ ผ่านการสร้างความเชื่อมั่นด้านนโยบายเศรษฐกิจ และการทำงานร่วมกับองค์กรภาคธุรกิจอย่างใกล้ชิด

1ๅ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาตลาดทุนไทย กล่าวว่า จาการหารือกับนายกรัฐมนตรีและทีมครม.เศรษฐกิจ ว่า มาตรการที่นำมาเสนอรัฐบาลฯนี้ถูกคัดเลือกมาจากกรอบใหญ่ที่ได้มีการหารือกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงการคลัง และหน่วยงานต่าง ๆ มาสักพักแล้ว โดยเน้นมาตรการที่เชื่อว่าสามารถ ทำได้ทันที หรือ ทำได้ภายใน 4 เดือน ประกอบด้วย
1. การสื่อสารและส่งเสริมข่าวความคืบหน้าของภาคเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ โดยจะมีการจัดตั้งทีมงานทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงต่าง ๆ เพื่อนำข่าวสารความคืบหน้า ความสำเร็จของโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้น และโครงการสำคัญที่สามารถขับเคลื่อนได้ออกสู่สาธารณะ เพื่อให้นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศรับทราบอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับ BOI ซึ่งมีข่าวดีตลอดทั้งปี จะมีมีการจัด โรดโชว์ เพื่อให้รัฐบาลมีโอกาสไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ นักลงทุน และสร้างความเชื่อมั่น

2. ความร่วมมือกับ BOI และการลงทุนเทคโนโลยี เพื่อดึงดูดบริษัทต่างชาติที่เป็น บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์จาก BOI ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อสร้าง Sector ใหม่ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มี มีแต่ธุรกิจเก่า ๆ มาตรการเหล่านี้สามารถทำได้โดยการ แก้ไขกฎระเบียบ เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายที่ต้องเข้าสู่สภา

3. การเพิ่มสภาพคล่องและกำลังซื้อในตลาด มีการพูดคุยรายละเอียดกับกระทรวงการคลังในเรื่องการยกเว้นภาษี เงินปันผล โดยหลักการเบื้องต้นอาจจะมุ่งเน้นที่ให้นักลงทุนที่ถือครองหุ้นระยะยาวเช่น ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เพื่อส่งเสริมการลงทุนระยะยาว การทำเช่นนี้จะทำให้ตลาดทุนมีเสถียรภาพ และสนับสนุนการออมเพื่อการเกษียณ
การเพิ่มการลงทุน จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ เช่น สมาคม มูลนิธิ และกลุ่มประกันภัย ที่มีเม็ดเงินลงทุนก้อนใหญ่ แต่ติดกฏระเบียบ จึงไม่สามารถเข้าลงทุนในตลาดหุ้นได้มากนัก โดยจะปลดล็อก สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่าง ๆ

4. ความยั่งยืน (ESG) และการสร้างตลาดที่ยั่งยืน โดยจะมีการพูดคุยเรื่องการขยายเวลาการลงทุนในกองทุนไทยอีเอสจี และไทยอีเอสจีเอ็กซ์ ถาวร ไม่ต้องจำกัดอายุกองทุน
รวมถึง การชวนบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ สร้างตลาดที่ยั่งยืน ด้วยการเข้ามาร่วม อัพสกิล (Up skill) และ รีสกิล (Re skill) ให้กับบุคลากรภาคแรงงานในสาขาต่างๆ เพื่อร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม และสังคม
5. การปราบปรามการหลอกลวงการลงทุนอย่างจริงจัง เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยถูกหลอกเป็นจำนวนมากในทุกระดับชั้น มีการหารือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ว่าหากยังคงช่วยโฆษณาหลอกลวงประชาชน จะต้องมีผลทางกฎหมาย จะมีการใช้ เทคโนโลยี AI มาช่วยตรวจสอบโฆษณาชวนเชื่อ (เช่น ลงทุน 1,000 บาท ได้ 20,000 บาททุกเดือน ซึ่งเป็นไปไม่ได้)
6. การลดกฎระเบียบ ใช้หลักการ กิโยติน (Guillotine) เพื่อจัดการลดกฎระเบียบต่าง ๆ

นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ข้อเสนอเร่งด่วนเพื่อปรับปรุงกฎหมายตลาดทุนที่สามารถดำเนินการได้ภายใน 4 เดือน และข้อเสนอระยะกลางถึงยาวที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงกฎหมายและโครงสร้างภาษี ที่อาศัยพระราชกฤษฎีกา ซึ่งไม่ต้องผ่านกระบวนการออกเป็นพระราชบัญญัติ (พรบ.) ทำให้มีโอกาสที่จะผลักดันสำเร็จได้สูง ประกอบด้วย

1.การยกเว้น/ลดภาษีเงินปันผลสำหรับรายย่อยเพื่อขยายฐานนักลงทุนรายใหม่ เรื่องนี้คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ยื่นไปแล้ว และเชื่อว่ามีโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จ

2.การปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการควบรวมกิจการ (M&A) หรือบริษัทที่ควบรวมเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
3.สิทธิประโยชน์ทางภาษี ยกเว้น หรือ ลดภาษี ให้แก่บริษัทที่เข้าร่วมโครงการ JUMP+ ปัจจุบัน มีประมาณ 58 บริษัท หากรายได้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ ทางกระทรวงการคลังยินดีที่จะหารือในรายละเอียด และ
4.ขอสิทธิประโยชน์ทางภาษี แก่บริษัทจดทะเบียนและบริษัทย่อย บริษัทในห่วงโซ่อุปทาน ที่ยื่นภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-tax filing) และ e-invoice เช่น คืนภาษีเร็ว หรือลดอัตราภาษีในช่วง 2-3 ปีแรก