HoonSmart.com>>”ทริสเรทติ้ง” ประเมินสินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์ยังซบเซาในครึ่งปีหลังเนื่องจากอุปทานรถมือสองยังมีส่วนเกินอยู่ รวมทั้งกําลังซื้อยังอ่อนแอ อุปสงค์รถบรรทุกยังมีอยู่อย่างจํากัด และการปล่อยสินเชื่อยังระมัดระวัง แต่ความสามารถทำกำไรของผู้บประกอบการดีขึ้น จากค่าใช้จ่ายด้านเครดิต-ต้นทุนทางการเงินต่ำลง รวมถึงผลขาดทุนจากขายรถยึดลดลง
บริษัท ทริสเรทติ้ง ประเมินอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเผชิญกับแรงกดดันจากอุปสงค์ที่อ่อนแอจากผลของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่รวดเร็วจากการใช้รถยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์ (Auto Hire Purchase Financing) ยังคงซบเซาแม้จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เนื่องจากผู้ให้บริการยังคงให้ความสําคัญกับคุณภาพของสินทรัพย์ท่ามกลางความท้าทายของตลาด
ความสามารถในการทํากําไรของผู้ประกอบการดีขึ้นจากการมีค่าใช้จ่ายด้านเครดิตและต้นทุนทางการเงินที่ต่ําลง รวมทั้งผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ผลกําไรไม่น่าจะปรับตัวสูงเท่ากับระดับในอดีตเนื่องจากข้อจํากัดด้านกฎระเบียบและการแข่งขัน แม้ผู้ให้บริการจะได้ผลตอบแทนที่เป็นบวกจากผลของการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังแต่แรงกดดันทางเศรษฐกิจยังคงก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านเครดิตอย่างต่อเนื่อง
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีแนวโน้มที่จะคงที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 แม้สภาพแวดล้อมจะเอื้ออํานวยไม่ว่าจะเป็นข้อกําหนดด้านกฎระเบียบที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อ การปรับลดราคารถใหม่ลง เพื่อให้แข่งขันได้สภาวะตลาดรถจักรยานยนต์ที่ปรับตัวเป็นปกติและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง นอกจากนี้รถยนต์มือสองและรถยนต์ไฮบริดยังคาดว่าจะมีพัฒนาการในเชิงบวกอยู่บ้าง แต่สภาพตลาดโดยรวมอาจจะยังคงซบเซาต่อไป เนื่องจากอุปทานรถมือสองที่ยังมีส่วนเกินอยู่ รวมทั้งกําลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังอ่อนแอ อุปสงค์รถบรรทุกที่ยังมีอยู่อย่างจํากัด และการปล่อยสินเชื่อที่ยังคงระมัดระวัง
นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ที่มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ก็มีทิศทางที่หลากหลายโดยบางแห่งรายงานอัตราส่วนหนี้ด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นจากการหดตัวของพอร์ตสินเชื่อ โดยมีปริมาณหนี้ด้อยคุณภาพที่ปรับตัวสูงขึ้นบ้างในขณะที่บางแห่งมีอัตราส่วนหนี้ด้อยคุณภาพที่ปรับตัวลดลงจากพอร์ตสินเชื่อที่หดตัวเป็นปัจจัยหลักในส่วนของมาตรการบรรเทาหนี้ของรัฐบาล เช่น โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” นั้นมีส่วนช่วยทําให้ระดับของหนี้ด้อยคุณภาพของธนาคารและบริษัทลูกไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากนัก แม้ในสภาพตลาดที่ท้าทายก็ยังมีแนวโน้มที่เป็นปัจจัยบวกจากการขาดทุนจากการขายรถยึดที่ลดลงเนื่องจากราคารถยนต์มือสองที่ฟื้นตัว
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่จากบริษัทลีสซิ่งในเครือของผู้ผลิตรถยนต์(Captive Finance) จํานวน 6 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้งมีคุณภาพสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มดีขึ้นโดยมีอัตราส่วนหนี้ด้อยคุณภาพโดยเฉลี่ยลดลงจากการปล่อยสินเชื่อที่ระมัดระวังในทางตรงกันข้าม ผู้ประกอบการสินเชื่อรถยนต์มือสองที่เป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร(Non-bank Financial Institution–NBFI) ยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราส่วนหนี้ด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นและผันผวน ซึ่งมีการปรับเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 หลังจากลดลงในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568
การฟื้นตัวของความสามารถในการทํากําไรของผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคาร(NBFI)คาดว่าจะดีขึ้นอย่างช้า ๆ ในช่วงปี 2568-2570 อย่างไรก็ตาม รายได้อาจปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงพิจารณาการให้สินเชื่ออย่างระมัดระวัง
ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคาร(NBFI)ซึ่งจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(Spread) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่เริ่มลดลงตามวงจรดอกเบี้ยขาลงที่เริ่มในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมต่อจากนี้น่าจะช่วยลดต้นทุนทางการเงินและทําให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก(ทริสเรทติ้งคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้งละ0.25%ในปี 2568 และปี 2569)
อย่างไรก็ตามทริสเรทติ้งเชื่อว่าผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคารที่มีอันดับเครดิตต่ํากว่าระดับ“A” อาจจะได้รับประโยชน์จากการปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรค่อนข้างน้อยสําหรับตราสารหนี้ใหม่ที่ออกในปีนี้และปีหน้าเนื่องจากส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกับตราสารหนี้ไม่น่าจะแคบลงมากเพราะนักลงทุนยังมีความระมัดระวังในการลงทุน ซึ่งในช่วงนี้ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคารหลายแห่งลดการออกตราสารหนี้ตามการขยายสินเชื่อที่ชะลอตัวลงในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนของสินเชื่อยังคงทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ทริสเรทติ้งคาดว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกองทุนที่ปรับความเสี่ยง (Risk-Adjusted Capital Ratio –RACRatio) โดยเฉลี่ยของผู้ประกอบการเช่าซื้อในกลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคารที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตจะยังอยู่ในระดับ“แข็งแกร่งมาก” ในระหว่างปี 2568-2569 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวซึ่งมีแนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราส่วนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นจะยังไม่ส่งผลในเชิงบวกต่ออันดับเครดิต แต่ก็สามารถรองรับการขยายตัวของสินเชื่อในอนาคตได้หากสภาพตลาดยานยนต์กลับมาเอื้ออํานวยโดยไม่สร้างแรงกดดันในด้านลบต่ออันดับเครดิต
ความสามารถในการสร้างผลกําไรของผู้ประกอบการซึ่งพิจารณาจากอัตราส่วนกําไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงเฉลี่ย (EBT/ARWA) มีการปรับตัวที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 จากระดับในช่วงระหว่างปี 2566-2567 โดยได้รับแรงหนุนจากค่าใช้จ่ายด้านเครดิตที่ลดลงและการขาดทุนจากการขายรถยึดที่ลดลงอย่างไรก็ตาม ในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการทํากําไรของผู้ประกอบการไม่น่าจะกลับไปสู่ระดับในอดีตได้แม้จะมีค่าใช้จ่ายด้านเครดิตและต้นทุนทางการเงินที่ต่ําลงก็ตามทั้งนี้ เนื่องจากการกําหนดเพดานดอกเบี้ยและภาระด้านกฎระเบียบอาจส่งผลกดดันต่อความสามารถในการทํากําไร
