“10 โบรกฯ มองต่างมุม PTTEP ชนะประมูลแหล่งสำรวจเอราวัณ-บงกช 6 ค่าย แนะนำ “ซื้อ” บล.เอเซียพลัสให้ราคาสูงสุด 168 บาท มองป็นผลบวกมากกว่าลบ แม้หลายค่ายหั่นกำไรลง อีก 4 โบรกฯ แนะนำแค่ถือ “บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี” ให้ต่ำสุด 134 บาท”
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ณ เวลา 11.43 น. ลงต่ำสุดของวันนี้อยู่ที่ 122.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ -2% มูลค่าการซื้อขาย 2,672.73 ล้านบาท จากราคาเปิดตลาด 124 บาท และเมื่อวานนี้ดิ่งแรงกว่า 6%
บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส มองกรณี PTTEP ชนะประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกช เป็นบวกมากกว่าลบ ถือเป็นประเด็นบวกต่อ PTTEP ในระยะยาว ที่จะสามารถรักษาความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มปริมาณสำรองให้กับบริษัทได้ตามเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณสำรองเป็น 7 ปี จาก 5 ปี ในปัจจุบัน ขณะที่ส่วนของประมาณการแม้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เสนอให้ภาครัฐต่ำกว่าราคาในปัจจุบันค่อนข้างมีนัยฯ แต่ผู้บริหาร PTTEP เปิดเผยว่าราคาก๊าซฯที่ลดลงดังกล่าวจะถูกชดเชยด้วยต้นทุนการลงทุนที่จะปรับตัวลดลง เนื่องจากเป็นโครงการที่ดำเนินการผลิตอยู่แล้วในปัจจุบัน การลงทุนในส่วนของเครื่องจักรอุปกรณ์ใหม่ๆจึงไม่มากนัก
ฝ่ายวิจัยปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 168 บาท แต่คาดราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านได้ตอบรับประเด็นบวกเรื่องการประมูลแหล่งก๊าซไปพอสมควรแล้ว และมีการปรับตัวลงค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ความเสี่ยงจากความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกที่ชะลอตัวมากกว่าอุปทานที่จะลดลงจากมาตรการกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ซึ่งน่าจะกดดันราคาน้ำมัน จึงแนะซื้อทยอยเข้าลงทุนหุ้น PTTEP เมื่อราคาอ่อนตัว
วานนี้ ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้ PTTEP เป็นผู้ชนะการประมูลแหล่งปิโตรเลียมทั้ง 2 แหล่ง คือ แหล่งเอราวัณและบงกช เนื่องจากเป็นผู้เสนอราคาและให้ผลประโยชน์ต่อภาครัฐดีที่สุด โดยได้เสนอราคาก๊าซธรรมชาติคงที่ที่ 116 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน (แหล่งเอราวัณอยู่ที่ 165 บาทต่อล้านบีทียู ส่วนแหล่งบงกช อยู่ที่ 214 บาทต่อล้านบีทียู) รวมถึงเสนอสัดส่วนการแบ่งกำไรให้แก่รัฐมากกว่า 50% ทั้งนี้คาดจะลงนามสัญญาได้ภายในเดือน ก.พ. 2562
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” โดยปรับสมมติฐานประมาณการและราคาพื้นฐาน เดิมให้สมมติฐานว่า PTTEP จะชนะประมูลทั้งสองแหล่งเท่ากับสัดส่วนที่ถือหุ้นในปัจจุบัน คือ เอราวัณ 5% และบงกช 66.67% แต่ผลประมูลออกมาเป็นถือหุ้น 60% และ 100% ทำให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป แต่ปรับลดสมมติฐานราคาขายก๊าซเฉลี่ยลง และเพิ่มเงินลงทุนในประมาณการ ทำให้ราคาพื้นฐานเราปรับขึ้นจาก 158 บาทเป็น 160 บาท คงคำแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 160 บาท/หุ้น
บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 151 บาท/หุ้น โดยมองว่าแม้ขายก๊าซราคาถูกลงให้รัฐ ทว่าต้นทุนและเงินนำส่งรัฐก็ลดลงด้วยเช่นกัน ด้วยราคาก๊าซที่ขายให้รัฐบาลต่ำกว่าคาดการณ์ ทว่าการเป็นหนึ่งเดียวในอ่าวไทยเป็นผลดีต่อต้นทุนจากการมีอำนาจในการต่อรองกับ Subcontractor รวมถึงลดเม็ดเงินนำส่งเข้ารัฐภายใต้สัญญา PSC
นอกจากนี้ประเมินแหล่งเอราวัณจะสามารถให้ผลดีต่อ PTTEP 4.5 บาทต่อหุ้น ส่วนแหล่งบงกช จะสามารถให้ผลดีต่อ PTTEP 6.5 บาทต่อหุ้น ผลดีจากทั้งคู่ รวมทั้งสิ้น 11 บาทต่อหุ้น ส่วนรายได้ที่ลดลงจากประมาณการณ์ราคาน้ำมันที่ลดลง ส่งผลให้ราคาหุ้น ที่ไม่รวมแหล่งก๊าซทั้งคู่ อยู่ที่ 140 บาทต่อหุ้น
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ ราคาเป้าหมาย 154 บาท โดยมองว่าตลาด Panic มากเกินไป แม้ราคาก๊าซต่ำ แต่ยังมี Value Added มองต้นทุนที่ต่ำลงกว่า 20% ประกอบกับเทคโนโลยีที่สูงขึ้นทำให้บริษัทสามารถปรับลด CAPEX ลงได้ และยังมี Synergy Benefit ทำให้ทั้ง 2 โครงการมี IRR ที่ระดับ 10-15 % ทั้งนี้ราคาขายก๊าซจะปรับได้ตามน้ำมันดิบดูไบ ถ้าน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ USD 60-70 /bbl ราคาขายก๊าซจะเป็น 128-160 บาท/MMBTU ประเมิน Value Added ได้ประมาณ 16 บาท เป็นบงกชประมาณ 11.50 บาท และเอราวัณประมาณ 4.50 บาท เราปรับราคาเหมาะสมของ PTTEP จากเดิมที่ 167 บาท เป็น 154 บาท สะท้อนราคาน้ำมันดิบที่ลดลง และผลการประมูลโครงการบงกชและเอราวัณ
บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” โดยปรับปีฐานราคาเป้าหมายไปเป็นสินปี 2562 โดยมีราคาเป้าหมายที่ลดลงเป็น 140 บาท ทั้งนี้ คำแนะนำของเราอิงจากภาพรวมกำไรที่แข็งแกร่งในระยะสั้นของ PTTEP และผลตอบแทนผู้ถือหุ้นทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น 15% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเชิงบวกลดลงหลังจากคิดรวม 2 ปัจจัยเสี่ยงขาลง (downside) เข้ามา 1) เราได้ปรับลดสมมติฐานราคานำมั่นดูไบเป็น 70/67/65 ดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 70/80/75 ดอลลาร์ฯ และ 2) คาดการณ์ผลตอบแทนที่ลดลงจากโครงการบงกชและเอราวัณ แม้ PTTEP จะชนะการประมูลทั้ง 2 โครงการก็ตาม
บริษัทเปิดเผยว่ามีเงื่อนไขสัดส่วนผลประโยชน์ของรัฐเพิ่มขึ้น 8-10% ในแต่ละแหล่งเป็น 68-70% จากราวๆ 60% จากสัมปทานปัจจุบัน ทั้งยังมีราคาขายก๊าซเฉลี่ยที่ลดลงเป็น 4-5 ดอลลาร์ฯ/mmbtu เมื่ออิงจากพัฒนาการเหล่านี้ เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2562-63 ลง 26% และ 22% ตามลำดับ
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 6.7% เมื่อวานนี้ สะท้อนแรงขาย Sell on fact ผลการประมูลรวมถึงความกังวลต่อข้อเสนอราคาก๊าซที่ต่ำกว่าคาดมาก อย่างไรก็ตามเรามองว่าปิโตรเลียมทั้ง 2 แหล่งจะเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับ PTTEP ได้ จากการประเมิน Sensitivity ของเราพบว่าราคาหุ้น ณ ปัจจุบันซื้อขายบนราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2562 เพียง US$55/bbl เชิงปัจจัยพื้นฐานเรามองว่า Downside ของราคาหุ้นจำกัดมากแล้ว คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” บนราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2562 ที่ 150.00 บาท (ยังไม่รวมผลกระทบจากการประมูลในครั้งนี้)
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารมั่นใจว่าจะสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ 20-25% จาก Synergy ระหว่างแหล่งปิโตรเลียมทั้ง 2 แปลงผ่านกระบวนการผลิต การขนส่ง และค่าเสื่อมราคาของโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยชดเชยราคาขายที่ลดลงได้ ทำให้ผลตอบแทน (IRR) จะยังอยู่ในระดับ 10-15% ปัจจุบันเรายังไม่รวมผลจากโครงการดังกล่าวไว้ในประมาณการ เพื่อรอรายละเอียดตัวเลขการเงินอื่นๆ หลังลงนามในสัญญาช่วงเดือนก.พ.2562 เบื้องต้นประเมิน Upside ของโครงการทั้ง 2 ที่ 17 บาท/หุ้น จากเดิมที่คาด 29 บาท/หุ้น
บล.เคทีซีมิโก้ แนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 157 บาท/หุ้น โดยคาดการชนะประมูล 2 แหล่งดังกล่าว จะยังคงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ PTTEP แต่โมเมนตัมเชิงบวกลดลงเป็น 19 บาท/หุ้น (น้อยลงกว่าคาดการณ์เดิมของเราที่ 25 บาท/หุ้น) ขณะที่ความเป็นไปได้ของปริมาณสำรองที่เพิ่มขึ้น คาดจะขยายอายุการผลิต (reserve life) ของ PTTEP ออกไปอีก 6 ปี
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ปรับคำแนะนำเป็น ถือ จาก ซื้อ และปรับราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 134 บาท จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นจากการประมูลในครั้งนี้คือ 1) PTTEP ได้เสนอค่าคงที่ราคาก๊าซ (Pc) ไว้ต่ำกว่าคาด อยู่ที่ 116 บาท / ล้าน BTU และ 2) ส่วนแบ่งกำไรให้แก่รัฐอยู่ที่ 70% ซึ่งสูงกว่าคาด
บล.เอเชีย เวลท์ ปรับลดประมาณการราคาเป้าหมายจากเดิม 170 บาท เป็น 143 บาท แนะนำถือ อิงราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ 65 เหรียญสหรัฐฯ หากมีมุมมองราคาน้ำมันเปลี่ยนไปอีก อาจจะมีการปรับราคาเป้าหมายอีก โดยมองการชนะการประมูลแหล่งเอราวัณและบงกช ไม่เป็นผลบวกในเชิง Valuation มากอย่างที่เคยคาดหวัง (ราว 17 บาทสำหรับแหล่งบงกช และไม่ได้คิดว่าจะชนะแหล่งเอราวัณ)
ราคาขายก๊าซ 116 บาท/ล้านบีทียู ไม่ได้ชดเชยความเสี่ยงมากพอหากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมาก และค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาก ทำให้ PTTEP อาจจะเสี่ยงต้นทุนสูงในอนาคตขณะที่รายได้ขยับตัวขึ้นไม่ได้มาก ซึ่งผลบวกน่าจะไปตกกับผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP แทน ได้แก่ BGRIM และ GPSC จึงแนะนำ Switch จาก PTTEP ไป BGRIM และ GPSC แทน
บล.ทิสโก้ แนะนำ “ถือ” PTTEP ราคาเป้าหมาย 136 บาท/หุ้น หลังจากบริษัทชนะประมูลแหล่งบงกช (G2/61) และเอราวัณ (G1/61) ซึ่ง PTTEP ชนะทั้ง 2 แหล่งตามคาด โดยที่ถือหุ้น 100% ในแหล่งบงกช และถือหุ้น 60% ในแหล่งเอราวัณ (อีก 40% เป็นของ Mubadala) โดยถือสัญญาการร่วมผลิต PSCs จะลงนามใน 1Q19 ซึ่งราคาเป้าหมายดังกล่าว รวมผลของการชนะประมูลไปแล้วอ้างอิงวิธี DCF โดยมีความเสี่ยงในเชิงบวกคือ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และการทำ M&A แต่มีความเสี่ยงในเชิงลบคือ การปิดแท่นขุด และความล้มเหลวในการสำรวจ